Sleep Debt ภาวะติดหนี้การนอน นอนเท่าไหร่ก็ไม่หายง่วงสักที

ใครเป็นบ้าง นอนเท่าไหร่ก็ไม่หายง่วงสักทีที่เป็นแบบนี้เพราะเรากำลัง ‘ติดหนี้การนอน’ อยู่รึเปล่า 🥱

Sleep Debt ภาวะติดหนี้การนอนของคนที่นอนหลับไม่เพียงพอ หลายคนเวลาที่รู้ว่าตัวเองนอนไม่พอ แล้วง่วงมากในแต่ละวัน มักจะคิดว่าจะอดทนเก็บไว้นอนทีเดียวในวันหยุดหวังว่าจะช่วยรีเซ็ตตัวเองให้ได้พักผ่อนจริง ๆ และสดชื่นขึ้นมาได้ พอลองทำจริงแล้วจะนอนยาว ๆ ล้างแค้นที่นอนไม่พอกลับนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท สุดท้ายก็วนกลับมาที่รู้สึกว่านอนไม่พออยู่ดี นี่แหละแสดงว่าเรากำลังติดหนี้การนอนอยู่

ร่างกายของเราแต่ละคนจะมีเวลานอนที่ต้องการแตกต่างกัน ทั้งจากอายุและสุขภาพ สมมติว่าเราต้องการเวลานอน 8 ชั่วโมงต่อวัน ถ้าเรานอนได้เพียง 6 ชั่วโมงก็แสดงว่าเราติดหนี้นอน 2 ชั่วโมงแล้วถ้าเราเป็นแบบนี้กี่วันก็คูณเข้าไป อย่าง 5 วันก็เท่ากับเราติดหนี้นอน 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

ภาวะนี้มีความน่ากลัวอยู่ตรงที่บางคนไม่รู้ตัวด้วยว่าตัวเองกำลังติดหนี้นอนอยู่ เพราะไม่ได้รู้สึกเพลีย เหนื่อย หรือง่วงเป็นพิเศษ เนื่องจากร่างกายเราสามารถปรับตัวได้ส่วนหนึ่ง แต่ยิ่งใครที่ติดหนี้นอนไว้ ก็เหมือนคนติดหนี้ที่รอล้มละลาย ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงด้านสุขภาพสุดท้ายอาจป่วยหนักได้

ผลกระทบจากการติดหนี้นอนเริ่มมักเริ่มจากอาการเพลียง่าย เหนื่อย เบลอบ้าง ซึ่งส่งผลให้เรามีประสิทธิภาพการเรียน การทำงาน และขับรถที่แย่ลง เมื่อเวลาผ่านไปภูมิคุ้มกันเราจะลดลง มีความผิดปกติของน้ำหนักซึ่งเป็นผลมาจากระบบเผาผลาญ ในระยะยาวจะนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวาน รวมถึงระบบความจำและการทำงานของสมองด้วย

วิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำให้เราหายจากการติดหนี้การนอนได้ มีดังนี้
1) วิธีที่ดีที่สุด ปรับการนอนของตัวให้สม่ำเสมอให้ได้ เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยเราจ่ายหนี้การนอนได้หมด เราต้องกำหนดเวลาและทำเป็นประจำทุกวัน พยายามให้เวลาเข้านอน และเวลาตื่นเป็นเวลาเดิมให้ได้

2) รู้ว่าเริ่มต้นปรับเวลานอนยากและช่วงแรกอาจนอนไม่หลับ ให้เริ่มจากค่อย ๆ กำหนดตารางเวลานอนซึ่งอาจจะค่อย ๆ เริ่มทำให้เร็วขึ้นทีละ 30-60 นาที

3) ปรับสภาะแวดล้อมในห้องนอนด้วยดูแสงที่รบกวน ไม่เปิดไฟนอน ลองใช้ที่ปรับกลิ่นในห้องในผ่อนคลาย และลองเปลี่ยนหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูถ้ารู้สึกว่าไม่สบายตัวจะเปลี่ยนยกเซ็ตหรือเอาไปซักให้หอม สะอาดก็ได้

4) เช็คตัวเองว่ามีนิสัยกลางวันที่ส่งผลกับการนอนไหม ให้ปรับ ไม่ว่าจะเรื่องการชอบนอนกลางวันหรือกินกาแฟช่วงเย็น พวกนี้อาจส่งผลรบกวนการเข้านอนของเรา รวมถึงเลี่ยงทำกิจกรรมที่ทำให้เข้านอนยาก เช่น ออกกำลังกายกลางคืน ดูหนังดึก ฯลฯ

5) หลังจากที่ทำข้อก่อนหน้ามาแล้วก็ต้องให้เวลากับตัวเองนะ ในการปรับตัวที่ตัวเองจะฟื้นตัวจากการติดหนี้การนอนได้ แล้วก็ให้ทำเรื่อย ๆ จนร่างกายสามารถรู้สึกว่าได้ว่าทุหคืนหลับได้เพียงพอ

6) สุดท้ายถ้ายังมีปัญหาการนอนอยู่และรู้สึกว่าร่างกายเริ่มรวน ให้ปรึกษาแพทย์นะ เพื่อให้เราได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องว่าเรามีการนอนที่ผิดปกติยังไงและรักษาแบบไหนได้

 

อ้างอิง
https://wb.md/3rOisQh
https://bit.ly/34Zvgum

Related Posts