ทำไมถึงยังมีคนเชื่อลัทธิประหลาดหลุดโลกในวันที่เทคโนโลยีและการศึกษาก้าวหน้าไปเยอะแล้ว
ที่ผ่านมาศาสนาเป็นระบบความเชื่อที่เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติอย่างพวกเราที่ทำให้ทุกคนปฏิบัติตามคำสอนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตที่จะเป็นที่ยอมรับ เป็นที่พึ่งจากจิตใจ และเป็นที่รับรู้ร่วมกันถึงเครื่องหมายของการเป็นคนดีของกลุ่ม ชุมชน สังคม จนถึงวันนี้ศาสนาและความเชื่อต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกก็ยังทำงานในรูปแบบนี้อยู่ แม้จะมีหลักทางวิทยาศาสตร์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการศึกษาเข้ามาก็ตาม
ระบบศาสนาเลยยังเป็นระบบความเชื่อที่แข็งแรงมาก ๆ และมักจะเป็นจุดเริ่มต้นของลัทธิ ความเชื่อที่แตกแขนงตามมา ซึ่งในบ้านเราเองก็มีสิ่งนี้ขึ้นเยอะมากที่พอย้อนกลับไปมองจุดเริ่มต้น หลายลัทธิ หลายความเชื่อก็ได้รับอิทธิพลหรือดึงบางหลักจากศาสนาต่าง ๆ มาใช้เช่นกัน
หนึ่งในตัวอย่างจากการทลายสำนักลัทธิหนึ่งในบ้านเราที่มีความเชื่อถึงการมีตัวตนอยู่ของศาสดาที่ตั้งตัวเองเป็นพระบิดาแห่งจักรวาลทุกศาสนาจนทำให้หลายคนพากันเคารพ ถวายตัวเป็นสาวก ขอความช่วยเหลือเพื่อให้พ้นโรคภัยไข้เจ็บ และน้อมทำตามคำสอน ไม่ว่าจะถูกบอกให้กินสิ่งปฏิกูล อุจจาระ ปัสสาวะ ขี้ไคล และขี้บุหรี่ หรือแม้แต่น้ำเหลืองจากศพคนตาย ก็มองว่าสิ่งพวกนี้เป็นของที่มีกลิ่นหอมหอมบวกด้วยความหวังที่ว่าจะช่วยให้รอดพ้นโรค ภัย ไข้ เจ็บ และได้มีหนทางไปสู่สวรรค์
แม้ว่าสิ่งนี้จะสร้างความหลอน ความสะอิดสะเอียน และความตกใจให้หลายคนมาก ๆ ที่ได้ติดตามข่าว แต่มันก็สะท้อนว่าระบบลัทธิ ความเชื่อ การแฝงอยู่ของวัฒนธรรมย่อย (Subculture) ในบ้านเรามีสายใยที่แข็งแรงกับคนขนาดไหนจนถึงขนาดชักจูงความคิด พฤติกรรมได้ และไม่ใช่แค่ในบ้านเรา ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าและการศึกษาก้าวหน้ามาขนาดนี้ ความเชื่อหรือลัทธิแบบนี้ก็ยังคงมีแทรกซึมอยู่ในหลายพื้นที่ซึ่งเราพูดรวมไปถึงประเทศอื่น ๆ ในโลกด้วยที่มีลัทธินอกเหนือจากกินฉี่ ทาน้ำเหลืองจากศพ ทั้งขังคนวันสิ้นโลก ตัดอวัยวะเพศ ฆ่าตัวตายหมู่ ฯลฯ
จริง ๆ มันมองได้หลายแง่มาก อย่างแรกในแง่ของความเชื่อ การทำงานของศาสนา พื้นฐานแนวคิดนั้นถูกออกแบบมาเพื่อประสบความสำเร็จกับความเชื่อของคนอยู่แล้ว ด้วยการมีความเหนือธรรมชาติ ไม่ว่าจะประวัติของศาสดา สาวก เหตุการณ์ที่ทำให้ถูกมองว่าเป็นเรื่องอภินิหารที่เกิดขึ้นในประวัติหรือจากการทำตามคำสอนจนบรรลุ
พอมีถ่ายทอด ส่งต่อสิ่งที่เกิดขึ้นพวกนี้เป็นชุดความเชื่อ ส่งต่อจากสมาชิกไปยังคนอื่น ๆ ยิ่งมีการพูดถึงเท่าไหร่ มีการสร้างรูปเคารพ จำลองจากภาพความเชื่อขึ้นเป็นวัตถุหรือใครคนหนึ่ง มีการกราบไหว้ แล้วพิสูจน์ไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์หรือในแง่ที่คนทั่วไปไม่สามารถทำได้ (ในมุมมองที่ว่าถ้าไม่มีพลังวิเศษหรือพลังเหนือธรรมชาติ) ทั้งหมดทำให้เราเกิดความดึงดูดใจและความเลื่อมใส
ต่อมาถ้ามองในแง่ของความต้องการที่พึ่งทางจิตใจ ในช่วงเวลานี้ที่ทุกคนมีความอ่อนไหว ภาวะความเครียด ปัญหาด้านสภาพจิตที่สูงขึ้นและต้องการที่พึ่งทางใจ การให้กำเนิดลัทธิใหม่ ใส่ความเชื่อ วิธีการสนับสนุนที่แตกต่างขึ้นมาก็เป็นอีกวิธีที่ผู้นำลัทธิใช้เพื่อทำให้เราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้สามารถเสริมความเข้มแข็งเยียวยาให้สภาพจิตใจ ร่างกายของเราได้ จนเรายอมลงทุน ทุ่มเท และรับใช้
นอกจากนี้เรื่องความต้องการหันไปหาที่พึ่งให้กับทางใจผ่านลัทธิและความเชื่อก็มีความเกี่ยวข้องมาก ๆ กับการเข้าถึงระบบการศึกษาและระบบสาธารณสุข เราจะพบว่านอกจากความเชื่อที่อาจฝังรากในตัวบุคคลแล้ว การมีข้อจำกัดในการเข้าถึงการศึกษาทำให้ขาดความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิชาการ และการแพทย์ ก็เป็นหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ยังมีคนที่เลือกที่จะใช้อำนาจเหนือธรรมชาติในแบบที่ตัวเองเชื่อเพื่อการรักษา ฟื้นฟูสุขภาพ เพิ่งหมอบ้าน ใช้ยานางฟ้า ยาเทวดา หรือยาผีบอกเพราะเข้าถึงได้ง่ายกว่าและเชื่อด้วยว่ามันวิเศษกว่าด้วย
อีกประเด็นหนึ่งสื่อเองก็มีส่วน ไม่ว่าจะในพื้นที่แบบไหนก็ตาม การเข้าถึงสื่อและการรับรู้สื่อก็มีส่วนเสริมความเชื่อและลัทธินั้นให้มีความแข็งแรง ในพื้นที่ชุมชนที่มีข้อจำกัดทั้งการเข้าถึงการศึกษา สาธารณสุข และสื่อสารมวลชน ก็ส่งผลให้การรับข้อมูลเป็นข้อมูลในเชิงเดียวกันซึ่งก็ส่งผลต่ออิทธิพลความเชื่อที่ทำให้คนเชื่อในแบบที่ตัวเองได้รับรู้มา หรือแม้แต่ในวงกว้างอย่างโลกออนไลน์เองก็ตามหากสื่อเป็นแหล่งที่ปล่อยข้อมูลความเชื่อ เรื่องเหนือธรรมชาติ ถ้าสื่อเล่นประเด็นซ้ำมาก ๆ ก็ทำให้คนจำนวนหนึ่งที่รับข้อมูลด้านเดียวจากสื่อเดียวก็ถูกชักจูงไปกับสิ่งนี้ได้
สรุปแล้วสิ่งที่ทำให้ความเชื่อเหล่านี้ยังแข็งแรงในบางพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ฝังราก การเข้าถึงระบบการศึกษา สาธารณสุข และสื่อ ทั้งหมดล้วนมีส่วน และจริง ๆ ก็ยังมีอีกหลายเหตุผลว่าทำไมถึงยังมีคนเชื่อลัทธิประหลาดหลุดโลกอยู่ แชร์ความคิดกันได้ อย่างไรก็ตามเราไม่สนับสนุนหากความเชื่อนั้นทำให้เกิดการละเมิดในฐานะมนุษย์ เราจะพยายามที่จะทำความเข้าใจ แต่ถ้าหากเห็นว่ามันละเมิดทั้งในแง่กฎหมายและสิทธิก็ขอให้เราไม่สนับสนุนนะ