ELECTRIC NEON LAMP จากค่าย TERO MUSIC วงป็อบร็อคที่ไม่ยอมแก่ ชอบหนีจากเซฟโซน

ลิโด้แนะนำ electric.neon.lamp จากค่าย TERO MUSIC วงป็อบร็อคที่ไม่ยอมแก่ ชอบหนีจากเซฟโซน
 
จากไลน์อัพ Bud Livehouse #17 กับเพลงล่าสุด แม้ ให้กับรักข้างเดียวที่เธอไม่เคยรู้ จบไปแล้วแต่เธอยังอยู่ในความทรงจำ!
 
นอกจากนี้ยังมี SURFF และ Uncle Ben เศร้ากันให้สุด แง บัตร Sold out แล้ว ไม่มีหน้างานนะทุกคน ใครพลาดน่าเสียดาย เห็นไลน์อัพรอบหน้าอย่าลังเล กดไว้เลย มาสร้างสีสันซีนและทำซีนดนตรีไทยให้หลากหลายที่ Bud Livehouse กัน 🤘🏻

สมาชิก
เจน เจนศักดิ์ดา จาระณะ ร้องนำ
เต้ วทัญญู สุริยวงศ์ เบส
แป๊ก รัชชา วัฒนจิตรานนท์ กลอง
อุณ คีตา วังขจรวุฒิศักดิ์ กีตาร์

: ถึงตอนนี้มองตัวเองว่าเป็นวงป็อบร็อคอยู่ไหม เพราะอะไร

เจน – เราก็ยังมองว่าเป็นป็อบร็อคอยู่นะเหมือนเดิม เพลงที่เราเล่นถึงซาวด์ดีไซน์มันจะเปลี่ยนไปมันก็อยู่บนพื้นฐานของป็อบร็อคมาตลอด แต่ตอนที่เราทำเพลงเดี๋ยวนี้ในใจเราจะไม่ค่อยมีธงกันแล้วแหละว่าอยากให้ออกมาแบบไหน

ส่วนเวลาที่เราแจมกันแต่ละคนจะมีภาพในหัวของตัวเอง ซึ่งมันออกมาโดยธรรมชาติของมัน ตอบอยากเหมือนกันนะว่าจริง ๆ เราเป็นยังไง สนใจอะไร เราไม่ได้เฉพาะเจาะจงเลยว่าจะออกมาแนวไหน

แป๊ก – มันคือการที่เราได้โครงเพลงมาเป็นแก่นแล้วเราเอาโครงนั้นมาเล่นให้เป็นเวอร์ชันของพวกเราอีกที แล้วค่อยมาตกแต่งเสริมกันในกระบวนการแจมของพวกเราอีกที

: เป็นยังไงบ้าง 10 ปีกว่าแล้วกับ Electric Neon Lamp คิดว่าอะไรที่ทำให้เรายังมีคนฟังรุ่นใหม่เรื่อย ๆ

เจน – เราเองก็พยายามที่จะทำเพลงให้แตกต่างไปจากเดิมอยู่เรื่อย ๆ เวลาเราทำเพลงใหม่ ๆ ขึ้นมาเราพยายามจะออกจากเซฟโซนตลอด ถึงพื้นฐานของมันจะเป็นป็อบร็อค แต่ถ้าใครฟังเพลงเราตอนนี้กับเมื่อ 10 ปีที่แล้วก็จะรู้สึกว่าเหมือนคนละวงพอสมควรเลย

เพราะงั้นแล้วเราก็คิดว่าเพลงมันก็ควรมี Revolution ที่มันควรจะมีวิวัฒนาการของตัวเอง เราเองก็ไม่ชอบเพลงถ้าเกิดเราทำเพลงออกมาแล้วมันดันไปมีความรู้สึกที่มันคล้ายกับเพลงเก่าที่เราเคยทำมา เราเลยรู้สึกว่าตรงนี้มันยังพอทำให้เรามีคนตาม พอถึงจุดหนึ่งแฟนเพลงของเราเองก็อาจจะไม่ได้มาตามวง ไปคอนเสิร์ต เราเองก็เลยคิดอยู่ตลอดว่าจะทำยังไงให้เรายังมีคนฟังอยู่

: คิดว่าเพลงไหนที่เริ่มเป็นจุดเปลี่ยน

เจน – ด้วยความที่เราเองทำเพลงทีละเพลง ไม่ได้ทำเพลงเป็นที่ละอัลบั้ม เราเลยไม่ได้กำหนดเพลงด้วยว่าเราจะทำเพลงแนวนี้ สไตล์นี้ ถ้าจะให้บอกว่ามันเริ่มเป็นกลิ่นใหม่ ๆ มันก็คงเริ่มมาจาก ‎Silenceness กับสุขุมวิทที่เรารู้สึกว่าเราข้ามจากวงที่เดือด ร็อค โจ๊ะ ๆ หน่อยมาเป็นมีความสุขุมขึ้น โตขึ้น และนิ่งขึ้น

จากแต่ก่อนที่เราทำเพลงแล้วเราจะพยายามคิดว่าทำยังไงถึงจะให้มันสนุกที่สุด พอตอนนี้เราก็คิดว่าจะทำยังไงให้มันฟังสบาย ไม่ต้อง Performance แบบหัวโยกแต่ว่ามันยังมีความเพราะ สนุกอยู่

: แล้วมองเป็นจุดแข็งของวงไหม หรือที่ผ่านมาวงปรับตัวยังไงบ้างให้ตามกับคนฟังรุ่นใหม่ ๆ

เจน – การทำเพลงให้มีกลิ่นใหม่ ๆ เราเองก็ไม่กล้าพูดว่าเป็นจุดแข็งแหละ เรามองว่ามันเป็นสิ่งที่เราทำโดยธรรมชาติของเราเองอยู่แล้ว เราไม่ได้ทำด้วยทัศนคติว่าเรากลัวตกเทรนด์ จุดตั้งต้นของเราคือเราไม่ได้ทำเพลงแบบเดิม ๆ ไปตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นเราก็เลยแปะแนวอื่นลงไป อย่างที่เราใส้เอลลิเมนต์ของ Britpop หรือ Hiphop ลงไปในเพลงเยอะ ๆ เลยหรือบางทีก็ไปทั่วมี Post rock ลงไป

เราไม่กล้าพูดหรอกว่ามันเป็นจุดแข็ง เราแค่ทำมันลงไปตามธรรมชาติของเรา ในอีก 2-3 ปีหน้าเราก็คงลองอะไรใหม่ ๆ กันอีก ซึ่งมันอาจจะไม่ได้ใหม่สำหรับคนฟังเพลง คนทั่วไปซะทีเดียวแต่ว่าสำหรับเราเองมันก็เป็นชาเลนจ์ใหม่ ถ้าถามว่าจุดแข็งของเราคืออะไร ถ้าบอกว่าไม่ยอมแก่ ก็ดูย้อนแย้งกับคำตอบก่อนหน้าเมื่อกี้ (หัวเราะ) แต่ว่าเราก็คิดว่าเป็นเรื่องเล่นสดแหละ

อีกอันหนึ่งเรารู้สึกว่าเราไม่ได้แก่สักเท่าไหร่ ไม่ใช่อายุจริงนะ อายุจริงก็แก่แล้วแหละประมาณหนึ่ง แต่ในอายุของวงดนตรีเวลาเล่นเราก็ไปด้วยทัศนคติว่าเราเป็นวงหน้าใหม่เสมอ เรายังกังวล ตื่นเต้น ล่กมาโดยตลอด สุดท้ายเราก็พยายามทำให้โชว์มันออกมาเหมือตอนเล่นแรก ๆ เมื่อก่อน

อุณ – เราว่าจุดแข็งเรา เล่นสดครับ พอใช้ได้และสนุกดี ถ่อมตัว (หัวเราะ)

เต้ – เต้ขอเสริมครับ จากด้วยความที่เราไมาได้เล่นบ่อยแบบแต่ก่อนด้วย พอมาเล่นแต่ละครั้งที่นาน ๆ เราเจอกันทีมันก็มีความอัดอั้นอะไรบางอย่างที่เราจะได้โชว์ ได้ปลอดปล่อย สิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีมันเลยเป็นธรรมชาติของเราเอง มันเลยเป็นเสน่ห์เวลาที่เราเล่นสดจะมองว่าเป็นจุดแข็งของเราก็ได้ครับ

แป๊ก – เวลาเราออกไปเล่นดนตรี เรารู้สึกสนุกทุกครั้งเวลาที่ได้เล่น พอพวกเราสนุกมันก็ส่งพลังจากเวทีลงไปข้างล่าง

: ขอ 1 Track Recommended จากแต่ละคน เพลงไหนที่ตัวเองชอบกลับไปฟังมากที่สุด เพราะอะไร

เจน – ไม่รู้ทำไมถึงกลับไปฟังบ่อยแต่เพลงนี้ละกัน รถไฟแห่งความฝัน มันเป็นเพลงแรกในอัลบั้มและรู้สึกว่ามีความหมายตัวเองบางอย่างมากครับ ทั้งเรื่องการเดินทาง ความไม่ยอมแก่ ความพจญภัยอยู่ในนั้น พักนี้เรากลับไปฟังเพลงนี้บ่อย

เต้ – Life in a neon เพลงนี้เป็นเพลงที่ไม่มีในสตรีมมิ่ง เพลงนี้ตั้งแต่สมัยที่วงอยู่เชียงใหม่มันสื่อถึงความเป็นวงประมาณหนึ่งเลย ชีวิตเหงา ๆ ที่อยู่ใต้แสงไฟในยามค่ำคืน มันสื่อถึงวงเราในยุคหนึ่งเหมือนเป็นตัวแทนของวงที่คิดถึงวันวาน คิดถึงนีออนสมัยก่อนก็ต้องเพลงนี้เลย

แป๊ก – นางรอง เพราะว่าเพลงนี้เป็นช่วงวัยรุ่นตอนปลายตอนเรา เป็นช่วงที่เราซ่าก่อนที่เราจะกลับมาช่วงที่เข้าสู่ความนิ่งขึ้น เราชอบเวลาเล่นสดเพลงนี้สุด

อุณ – สุขุมวิทครับ ช่วงนั้นเฮิร์ตพอดีแล้วมันตรงเพราะเหตุเกิดแถว ๆ นั้นแหละ (หัวเราะ) ก็เลยฟังเพลงนี้บ่อยสุดแล้วดึงอารมณ์เราได้สุดแล้ว

: ผลงานล่าสุด

เจน – จริง ๆ เพลงนี้เขียนไว้ค่อนข้างนานมาก ๆ ย้อนหลับไปน่าจะประมาณ 7-8 ปีเขียนไว้กับต้น มือกีตาร์คนแรกเลย เราดองมันไว้นานมาระหว่างทางเราก็เอาทำปั้นใหม่หลายทีแต่ยังไม่เคยรอด จนมาล่าสุดเราลองเอาแจมด้วยกันอีกทีแล้วเรารู้ว่าเอ้ยมันได้ก็เลยทำมันออกมา เนื้อหาก็ตรงไปตรงมาเป็นเพลงอกหักที่พูดถึงว่าเธอไม่เคยจะรู้ แต่ฉันยังคิดถึงนะจ๊ะ

: หลังจาก How to dissapiont your parants ตอนนี้มีแผนลุยอัลบั้มหรือยัง

เจน – จริง ๆ มีแผนอยู่ตลอดเลยครับ แต่ไม่เคยเป็นไปตามแผนเลย

วง – (หัวเราะ)

เต้ – เมื่อกี้พวกเราก็เพิ่งคุยกันบนรถเลยครับ เรายังทำกันอยู่เสมอครับ เซ็ตนี้เราทำเพลงแตกต่างออกไปจากเดิมด้วยครับ เรามีเป้าไว้แล้วว่าจะทำเพลงให้ออกมาเป็นอัลบั้ม 8-9 เพลง ตอนนี้คิดว่าเรากลับมาคุยได้แล้วพอสมควร ต้นปีหน้าคิดว่าเป็นไปได้ครับ

: คิดว่าการสร้างวัฒนธรรม Livehouse แบบที่ลิโด้กำลังทำอยู่ช่วยเราในฐานะศิลปินยังไง

เจน – เราว่าอย่างหนึ่งคือเราได้ออกไปเล่น มันช่วยเราได้ตรงไปตรงมาที่สุด พอเราได้ออกไปเล่นดนตรี เจอคน มันก็ช่วยเรา แล้วอีกอย่างหนึ่งการที่มีพื้นที่แบบนี้มันทำให้เราได้ไปเจอคนที่เขาอยากฟังเราจริง ๆ

สมมติเราไปโผล่ในเฟสติวัลดนตรีหนึ่งที่มีวงเยอะ ๆ คนฟังก็อาจจะไม่ได้มาตั้งใจดูเราทั้งหมด แต่พอมันมีไลฟ์เฮ้าส์ที่อยู่ในสเกลนี้ ขนาดกำลังพอดีก็ทำให้ทุกคนที่มาด้วยความตั้งใจที่มาดูเราเฉพาะก็ทำให้เรารู้สึกได้แสดง ได้เล่น ได้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปมากพอสมควรเหมือนเราได้เจอแฟนของเราจริง ๆ ร้องเพลงเราได้ทุกเพลง เล่นเพลงลึกก็ร้องได้ มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้คอนเน็คท์กับแฟนเพลวมาก ๆ แล้วมันก็เกิดเป็น Habbit ใหม่กับคนฟังด้วยว่าการฟังดนตรีไม่เห็นจำเป็นต้องไปที่ร้านเหล้าหรือผับอย่างเดียวเลย มันเป็นพื้นที่ที่ให้คนมาเสพดนตรีจริง ๆ ได้ โดยที่เราไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์ในร้านเหล้า

มันสามารถสร้างคาแรคเตอร์ สร้างบรรยากาศเฉพาะได้มันต่างจากร้านเหล้า มันทำให้อุตสาหกรรมมีความหลากหลายขึ้น สำหรับการทัวร์คอนเสิร์ตร้านเหล้า ร้านเหล้าที่จะจ้างวงเราไปดูได้ เขาก็หวังว่าจะมีคนมา มาดื่ม มันก้ทำให้มีวงอยู่เพียงจำนวนหนึ่งที่เขาเชื่อว่าถ้าวงนี้มาแล้วจะมีคนมาร้าน แต่ไลฟ์เฮ้าส์มันสร้างทางเลือกมากกว่านั้นกับคนฟังและวงที่ทำให้มันหลากหลายมากขึ้น

เต้ – การมี Livehouse มันเป็นการสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้อุตสาหกรรมดนตรีในบ้านเรา จริง ๆ แล้วอย่างในประเทศอื่น ญี่ปุ่นเขาก็มีสิ่งนี้มานานแล้ว ธุรกิจดนตรีเขาเลยค่อนข้างโตและหลากหลายมาก ทั้งดนตรี ไอดอลต่าง ๆ เราอยากให้ไทยมีแบนนี้บ้าง อย่างที่พี่เจนบอกว่าการดูดนตรีอาจจะไม่ต้องรอพึ่งเฟสติวัลที่มันมีหลาย ๆ วง ไลฟ์เฮ้าส์มันช่วยให้เราได้เห็นวงหนึ่งที่เต็มโชว์ก็เป็นอีกความรู้สึกหนึ่งที่เปิดพื้นที่ให้ผู้ผลิตและผู้เสพได้มาเจอกัน อีกอย่างหนึ่งในเรื่องโปรดักชั่น ไลฟ์เฮ้าส์สามารถแต่งแต้มแสง สี เวทีของวงได้มากกว่าจะใส่จอ ดีไซน์โชว์ได้มากทำให้เราได้อรรถรสจากการดูโชว์มาก

: แล้วคิดว่าสิ่งนี้จะดีขึ้นไหม ยังไง ถ้ารัฐเข้ามาซัพพอร์ต

เจน – มันดีมากกว่านี้อยู่แล้ว แต่ถ้ารัฐเข้ามาซัพพอร์ตด้วยมายเซ็ตแบบรัฐไทยแบบเดิมมันก็คงไม่ได้ดีไปกว่าเดิม อาจจะเละกว่าเดิม แต่ถ้ามันต่างออกไปเรื่องดนตรี รู้ว่าดนตรีมันหลากหลายแค่ไหน เราก็อยากให้เข้ามาซัพพอร์ต แต่ถ้าเป็นอย่างรัฐปัจจุบันก็อย่าเข้ามายุ่งดีกว่าที่ทำให้มันซับซ้อนขึ้นไปกว่าเดิม

ส่วนจะทำให้มันดีขึ้นไปได้ยังไงอย่างแรกที่พูดไปก็ต้องเป็นมายเซ็ตด้วยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ แน่นอนว่ารัฐมีงบประมาณที่มาสนับนุนได้ ถ้ารัฐสามารถเข้ามาช่วยเรื่องพื้นฐานจะเป็นเรื่องดนตรี พื้นที่จัด ขนาดตอนนี้เอกชนที่ทำกันเองตอนนี้เรายังเห็นความหลากหลายขนาดนี้ ถ้ายิ่งมีไลฟ์เฮาส์โดยรัฐบาลที่ให้คนไปจอง ไปใช้โชว์ได้ฟรีมันคงยิ่งน่าสนุก แต่ยังไงมันคงต้องมาพร้อมกับรัฐที่เข้าใจอุตสาหกรรมนี้จริง ๆ และมีปลายทางด้วยว่าอยากให้มันไปจบตรงไหน อยากส่งออกไปไหน

: รอบนี้ Electric Neon Lamp เตรียมโชว์พิเศษยังไงกับเวทีวงกลม ตื่นเต้นกันไหม

แป๊ก – ตื่นเต้นนะ เราเหมือนสมัยก่อนที่เราเล่น เราไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาล้อมวงเล่นกันแบบนี้อีก มันคือสิ่งที่พวกเราอยากเล่นมาแล้วแหละกับเวทีวงกลมแล้วตอนนี้เราก็กำลังจะได้เล่นแล้วสักที

เจน – ถามว่าตื่นเต้นไหม ตื่นเต้นมากครับเพราะเรายังไม่ได้ซ้อมกันเลย เดี๋ยวไปซ้อมเลย เราตื่นเต้นเพราะเอาจริงมาได้เล่นพื้นกับคนดูแบบนี้มานานมากแล้ว มันคงได้รับพลังและสัมผัสกับมวลพลังงานของคนดูเยอะมากแน่ ๆ ตอนนี้เราทั้งรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นไปพร้อมกันหมดแล้วครับ เออตื่นเต้นจริง

วง – (หัวเราะ)

เต้ – ตื่นเต้น แต่เราได้เล่นมาแล้วด้วยตอน temp. ได้พลังเยอะมาก

วง – อันนี้คือจะขิง ?

แป๊ก – ตื่นเต้นครับ มันเป็นสิ่งที่เราอยากสัมผัสเวลาที่เราเล่นแล้วมีคนยืนประกบข้าง หน้า หลังแบบนี้มันน่าจะเป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากเวทีปกติ พูดแล้วก็ตื่นเต้นนะ ซ้อมกันเลยมั้ย

: สุดท้ายทักทายและชวนมาดู Electric Neon Lamp

เจน – ขอบคุณมากครับ ขอบคุณที่ยังสนับสนุนอยู่ ขอบคุณลิโด้ด้วยครับ เอ๊ะ รีบขอบคุณทำไมยังไม่ได้เล่นเลย (หัวเราะ) เอาเป็นว่าตื่นเต้นมากครับ เรารู้สึกว่าพวกเราจะได้พลังบวกกลับไปมากแน่ ๆ เราจะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ เนี่ยหลังจบอันนี้เดี๋ยวเราไปซ้อมดนตรีเลยครับ ตั้งแต่ตอนนี้เลยครับผม

เต้ – อยากขอบคุณทุกคนที่มาดูไม่ใช่แค่ทุกคนมาแล้วเราชื่นใจ แต่ว่าการที่เราไปเล่นคนดูก็ให้อะไรกลับมากับเราด้วยเหมือนกัน ซึ่งมันมีผลต่อชีวิตพวกเรามาก ๆ เราขอบคุณมาก ๆ ครับ

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

Lido Connect – ลิโด้แนะนำ electric.neon.lamp จากค่าย TERO MUSIC… | Facebook

Related Posts