สมาชิก
เจา พงษ์ธรณ์ ปะเมโท (ร้องนำ)
ตูน ภานุกร มาลา (กีตาร์)
กานต์ ธนกานต์ สุวรรณนาคินทร์ (กีตาร์)
บิว วุฒิชัย เขื่อนวิชัย (กลอง)
: ขอย้อนถามชื่อ YENTED อีกรอบ ชื่อมีที่มาจากไหน
ตูน – จริง ๆ แล้วจุดเริ่มต้นมันมากจากที่พวกเราอยู่ที่ ม.พะเยา แล้วทีนี้เราทำเพลงกันจนเสร็จแล้วไม่มีชื่อวงเลยเอาสิ่งรอบตัวมาจับเป็นชื่อเพลง ตอนนั้นภาคเหนือรู้สึกมันมีแต่ความเย็นเลยเอาคำว่า “เย็น” มาขึ้นต้นและอยากจะเอาคำว่าอะไรสักอย่างที่มีความหมายของคำว่า ทีมเลยนึกถึงทีมฟุตบอลที่ใช้คำว่า ยูไนเต็ด แต่มันยาวไปเลยตัดเหลือแค่คำว่า “เต็ด” ก็เลยได้ชื่อว่า เย็นเต็ด
: แล้วที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้เคยมีความคิด จะใช้ชื่ออื่นกันบ้างไหม
ตูน – มีความคิดว่าไม่น่าจะเปลี่ยนชื่อทันแล้ว จริง ๆ เคยมีความคิดจะเปลี่ยนช่วงแรก ๆ คือตอนแรกพวกเรากะจะแค่ทำเพลงให้เพื่อน ๆ ฟังเฉย ๆ แต่พอเริ่มมีคนรู้จักขึ้นกลับตัวไม่ทันแล้วพอจะเปลี่ยนตั้งชื่อวงใหม่ก็คิดไม่ออกอีกว่าจะตั้งอะไรแล้วเพราะเราตั้งแบบนั้นไปแล้ว
มันมีความคิดนึงจากรุ่นพี่ในวงการที่มีวลีนึงว่า “ชื่อวงสำคัญไฉน ตัวเพลงสำคัญที่สุด” งั้นเราตั้งใจทำเพลงดีกว่าชื่อวงเอาไว้ทีหลัง
บิว – คิดว่าไม่น่าทันแล้วปะ
: จากจุดเริ่มต้นของ YENTED ตอนนั้นจนมาตอนนี้ 7 ปีแล้ว ทุกคนคิดว่าตัวเองเติบโตมากแค่ไหน เปลี่ยนไปแค่ไหน ยังไงบ้าง
เจา – ก็คิดว่าตั้งแต่แรกที่ทำเพลงมามันเหมือนมันค่อย ๆ มาตามสเต็ปของมันเรื่อย ๆ เป็นไปตามเป้าที่คิดไว้นะเหมือนตัวเองอยู่ในจุดที่พอใจแต่ก็ยังมีอีกนิดนึงที่อยากทำให้สำเร็จแบบทำเพลงให้เยอะขึ้น สม่ำเสมอไปเรื่อย ๆ ไปทัวร์เรื่อย ๆ นี่น่าจะเป็นเป้าหมายต่อไป
ตูน – จริง ๆในวงเรามันเป็นเพื่อน พี่น้องกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมที่เห็นได้ชัดก็คือความรับผิดชอบของพวกเราที่ยังต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น แต่สุดท้ายก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่เหมือนเดิมแต่ก็ดีขึ้นทั้งทัศนคติ แนวความคิด ยิ่งรู้เยอะขึ้นยิ่งคิดมากขึ้น
กานต์ – สมาชิกแต่ละคนค่อย ๆ ศึกษาทดลองทำให้เกิดการพัฒนาทางด้านดนตรี ฟังกันเยอะจนทำให้พัฒนา นำมาใช้กับงานตัวเองได้เรื่อย ๆ ในอนาคตและก็คงจะพัฒนาต่อไปแบบนั้นเรื่อย ๆ
บิว – คือเรามองว่าเป็นการพัฒนาร่วมกันมากกว่าจากแต่ก่อนเริ่มจากศูนย์ค่อยๆพัฒนามาแต่ละคนต่างมี option คอยเสริม ๆ กันมาเรื่อย ๆ เป็นการพากันก้าวกระโดดไปทีละขั้นทีละขั้นมากกว่าในมุมมองผมนะ
: ตอนนี้คิดว่าตัวตนของ YENTED ที่เราคิดว่าทุกคนเห็นเป็นยังไง
เจา – ถ้าผม มองตัวเองคนเป็นแบบ แอ็ค ๆ ขี้เก็ก ๆ หน่อยคนอื่นมองยังไงผมก็ไม่รู้เลยแต่เรามองตัวเองแบบทำอะไรที่อยากทำทำเท่าที่ทำได้แต่ในส่วนของมุมมองผมไม่รู้เลย
ตูน – สำหรับผมคิดว่าวงของเรากวนตีนอยู่เหมือนกันด้วยความที่แนวเพลงมันจะแมสก็ไม่แมสจะอินดี้ก็ไม่อินดี้มันเลยสวิง ๆ หลากหลายไม่แน่ใจตัวตนตัวเองเป็นยังไงเหมือนกันแต่ส่วนใหญ่คนก็จะชอบเสียงร้องของ เจา ที่มีความ Pop และ R&B หน่อย ๆ
กานต์ – ต้องมาดูตอนเเสดงสดว่าเป็นยังไง (หัวเราะ)
บิว – ต้องเรียกว่าพวกเราเป็นวงอารมณ์ดี
: ขอ 1 Track Recommended จาก YENTED จากแต่ละคนหน่อยเพลงไหนก็ได้ ถ้านึกไม่ออกช่วงนี้กลับไปฟังเพลงไหนบ่อยที่สุด เพราะอะไร
เจา – เพลง Good Trip ฟังบ่อยสุดเมโลดี้ฮุกที่ตัวเองแต่ง เรารู้สึกดีที่อยากจะต่อยอด Patternเพลงของเพลงนี้ต่อที่จะไปทำเพลงถัดไปแต่เพลงที่ฟังบ่อยกว่าก็คือ Demo เพลงที่กำลังจะปล่อยเพลงถัดไป
ตูน – เพลงละอาย (SHY) เป็นเพลงที่เรา Recommended เพราะมันเป็นเพลงที่เราทำมานานแล้วตั้งแต่อายุของวงประมาณ 3-4 ปี แต่เพลงนี้เพิ่งได้ปล่อยออกมาเมื่อไม่นานแต่ผมรู้สึกว่าเพลงมันไม่ได้เก่าเลยทั้งคุณภาพต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่ทำมานานแล้วแต่ก็ไม่เก่าจากยุคตอนนี้แม้ทำมานานแล้ว รู้สึกเพลงนี้มันข้ามอนาคตดี
กานต์ – เพลง Good Trip เป็นเพลงที่ปล่อยในปีนี้แต่เป้นช่วงต้นปี เป็นเพลงที่ Sound ต่างจากเพลงอื่นพอสมควรเหมือนการทดลองของวงด้วยคุณภาพในการอัดก็ดีพอสมควรเลยมันต่างจาก Popที่วงเคยทำมาเกิดการใช้ Sound ใหม่ ๆ และความหมายเนื้อเพลงก็เป็นเพลงที่ไม่ได้เกี่ยวกับอกหักหรือเพลงรักแต่เป็นเพลงที่พูดถึงชีวิตของเราประมาณนี้
บิว – ฟังบ่อย ๆ ก็น่าจะเป็นเพลงใหม่นี่แหล่ะเพลง ละอาย (SHY)
: เพลงละอาย (SHY) ที่ทำมานาน 3-4 ปี แต่ทำไมถึงเพิ่งได้ปล่อย
ตูน – จริง ๆ คือด้วยความรู้สึกตอนนั้นที่ทำเพลงนี้ขึ้นมาทำเป็นมาเป็นมาสเตอร์แล้วแต่มันเหมือนถูกมองข้ามก็ไม่เชิง เราคิดกันว่าจะปล่อยดีมั้ยนะ คนจะเข้าใจไหมนะ
เรารู้สึกว่าเพลงมันแปลกใหม่เกินไปเหมือนมันยังไม่ถึงเวลาของมัน แต่พอมาในช่วงปีนี้ที่มีเพลงแนวดนตรีแบบนี้ออกมาประมาณหนึ่งเราก็เชื่อว่าถ้าเราปล่อยช่วงนี้คงจะมีคนเข้าใจมากขึ้นในช่วงนั้นเรายังเด็กด้วยเลยคิดว่าคงปล่อยเพลงที่เข้าใจง่าย ๆ ออกไปก่อนดีกว่า และเหมือนยุคนี้คนก็เปิดกว้างมากขึ้นด้วย
: เล่าที่มาของเนื้อหา เห็นในเอ็มวีเพลงเห็นสีขาวดำเกือบทั้งเพลงอยากให้เล่าฟังหน่อยว่ามีแรงบันดาลใจจากอะไร
เจา – เพลงนี้ไปดูซีรีย์แล้วอินไดอะล็อกนึงในเรื่องที่เป็นเรื่องราวของคนคนหนึ่งที่มีความรักแล้วแฟนตายที่เขาทำผิดกับแฟนไว้แต่ไม่มีโอกาสได้ขอโทษ
รู้สึกชอบไดอะล็อกก็พยายามเล่าเรื่องในมุมของเราที่เราดูว่าเรามองแต่ละฉาก แต่ละตัวละครในแบบของเราก็เลยออกมาเป็นประมาณนี้
จริง ๆ ตัวเอ็มวีผมต้องเล่นเองเพราะมีงบจำกัดก็เลยเล่นเองและคนทำเอ็มวีก็เป็นพี่บิวเลยทำกันเองหมดเลยในวงนางเอกเอ็มวีก็เอาแฟนมาเล่นผมรู้สึกไม่ค่อยถนัดเล่นเอ็มวีเท่าไหร่ที่เล่นหลาย ๆ ครั้งเพราะจำเป็น (หัวเราะ)
ตูน – เพลงพวกเราเนื้อหามันจะมีความรัก ๆ หลง ๆ เพลงนี้มันเหมือนกับการขอโทษที่ทำให้เสียใจที่เราแย่เอง เหมือนการขอโทษจริง ๆ เลยตั้งชื่อเพลงว่า ละอาย แบบละอายใจจริง ๆ เพลงนี้เราเหมือนถ่ายทำกันเอง
กานต์ – เป็นการเล่าถึงในมุมมองที่สำนึกผิดปกติจะพูดถึงแค่เสียใจ ร้องไห้ เลิกกัน แต่เพลงนี้มันพูดนึงหลังจากนั้นไปอีกที่รู้สึกละอายใจ
บิว – ตอนนั้นเจาอินกับซีรีย์เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับมาเฟียร์ซีนตอนสารภาพบาปในหมู่โต๊ะอาหารเราเลยมาตีความใหม่ให้เจาไปสารภาพบาปในสิ่งที่ไม่เคยสารภาพในตอนที่อยู่ด้วยกันแต่ไม่เคยพูดแต่พอไม่อยู่ด้วยกันแต่อยากสารภาพเหมือนหาที่พึงทางใจเป็นหลวงพ่อในโบสถ์คริสต์
ในส่วนของเอ็มวีสีขาวดำ คือ อยากให้มันดูกดดันและเน้นความนัวของภาพอยากให้เล่นเรื่องของพื้นที่ของภาพทำขาวดำแล้วมันเน้นไปทางอารมณ์ได้มากกว่าด้วยความที่เจาไม่ค่อยได้แสดงเราเลยเน้นทำเป็นขาวดำแอบฟุ้ง ๆ เพื่อหลบมุมบางมุมที่บางทีเจาแอบยิ้มตอนเล่นเอ็มวี
ในส่วนตอนท้ายที่เน้นสีขาวฟุ้ง ๆ อยากให้ได้ความรู้สึกแบบชำระล้างตัวเองไปแล้วให้มันตื่นมาอยู่อีกทีเหมืนอกับคุณสารภาพบาปไปแล้วซึ่งเขาอาจจะรับรู้หรือไม่รับรู้ก็ได้ในเอ็มวีเลยมีซีนผู้หญิงยืนอยู่ข้าง ๆ เหมือนอยู่อีกโลกที่สดใสเหมือนเราชำระจิตใจเรียบร้อยแล้ว
: พาร์ทดนตรีหล่ะ เรารู้สึกว่าเพลงใหม่นี้มันมีกลิ่น lofi R&B กับเอลลิเมนต์อื่น ๆ ด้วย
ตูน – พาร์ทดนตรีสังเกตได้ว่าจะมี Percussion เยอะมากจังหวะกลองอินเดีย ๆ นิดนึงเพลงแบบดีเจเปิดแบบตืด ๆ จังหวะมันจะไม่ทั่วไป โชคดีด้วยที่นักร้องวงเราสื่อสารชัดเจนดนตรีเราเลยทำอะไรได้มากขึ้นเลยมาเป็นแบบนี้
กานต์ – เหมือนตอนนั้นสมาชิกมันยังมี 7 คนอยู่มันจะมีไลน์เบส ลายเปียนโนอยู่พาร์ทกลองเลยยากที่สุด
บิว – มันเป็นกลิ่นแปลกของวงที่เพลงนี้ดูแตกต่างจากเพลงอื่น ถ้าพาร์ทของกลองเป็นส่วน Groove ที่ต่างจากเดิมเยอะพอสมควรเลย เรื่องของ Percussion เพราะการดีไซน์มันจะฟังยาก งง ๆ นิดหน่อยเล่นสดก็คงจะหนัก (หัวเราะ)
: ทางวงมีแผนจะปล่อยซิงเกิลต่อไปหรือออกเป็น EP. กันอีกเมื่อไหร่ เร็ว ๆ นี้ไหม
เจา – แอบสปอยล์เพลงใหม่เป็นเพลงที่เหมือนเราคิดถึงใครสักคนนึง ส่วนตัวเพลงก็จะมี feat. ด้วยประมาณนี้
ตูน – เราตั้งใจจะปล่อยอัลบั้มปลายปีให้ได้เพราะวงเราเป็นวงที่ปล่อยเพลงน้อยมากปีนี้เราปล่อยไป 2 เพลงแล้วแต่เราก็พยายามจะปล่อยให้ได้มากที่สุด ซิงเกิ้ลใหม่อยากให้รอฟังกันเพราะทุกคนน่าจะชอบกันแน่ ๆ
กานต์ – ตอนนี้มีซิงเกิลหนึ่งทำเสร็จแล้วแต่อยู่ในกระบวนการถ่ายทำ MV อยู่ก็หวังว่าจะปล่อยเร็ว ๆ นี้และก็วางแผนที่จะมีอัลบั้มมี EP. เหมือนแต่ยังบอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่
: มาถึงงาน Bud Livehouse เคยเล่นเวทีวงกลมที่เสมอกับคนดูแบบนี้มาก่อนไหม ตื่นเต้นกันไหมกับเวทีวงกลมของที่นี่
ตูน – เท่าที่ฟังเพื่อน ๆ พี่ ๆ คุยกันเหมือนเรามาซ้อมแล้วมีคนมาล้อมเรา น่าจะตื่นเต้นเหมือนมีคนยืนอยู่ข้างหลังเราจะแอบเกร็ง ๆ แต่มันก็แลใกล้ชิดมากขึ้นปกติเราอยู่บนเวทีเราก็ควบคุมได้ไม่ครบทุกคนพออยู่ล้อม ๆ เราก็น่าจะส่งความรู้สึกต่อได้มากขึ้น
กานต์ – เวทีวงกลมน่จะไม่เคยเล่นมาก่อนแต่ผมไปบ่อยไปดูวงเพื่อนวงพี่ล่าสุดไปดูวง HYBS น่าสนใจมากผู้คนดูมีการโต้ตอบกับศิลปินมาก ศิลปินก็แฮปปี้กับคนดูก็ตื่นเต้นกับเวทีนี้จะเตรียมโชว์พิเศษไปเดี๋ยวเจอกันครับ จริงๆเวทีวงกลมแบบนี้เหมือนดูหนังเรื่องไฟท์คลับที่มีคนต่อยกันตรงกลางแล้วคนล้อมที่เราไม่ได้ต่อยกันแต่เล่นดนตรี (หัวเราะ)
บิว – ผมว่าน่าจะสนุกดีเพราะนาน ๆ ที่จะมีคนแบบล้อมรอบตัวทุกครั้งหลังเวทีก็จะมีแต่ทีมงานมีแผงกั้นแบบนี้เปิดหมดก็ต้องเตรียมตัวสมควร
: รอบนี้เตรียมโชว์พิเศษด้วยไหม
ตูน – เราขนเพลงเก่า ๆ กลับมาเล่นเยอะมากทีนี้เรารู้สึกว่าคราวนี้มันน่าจะมีแฟนคลับทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่เราเลยอยากจะนำเสนอเหมือนตอนที่วงเรามี 7 คน
กานต์ – น่าจะพิเศษจัด ๆ เลยครับครั้งนี้
: สุดท้ายทักทายและชวนมาดู YENTED
เจา – มาดูผมด้วยนะครับถ้าว่าง ๆ เบื่อ ๆ มาดูได้ก็มาดูกันนะครับผมค่อนข้างตั้งใจร้องเพลงมาก ๆ จนไม่ค่อยได้คุยกับใครเท่าไหร่ จะต้องใจร้องให้ฟังอย่างเต็มที่เลย เตรียมสนับเข่ามาสไลด์กลางเวทีด้วย (หัวเราะ)
ตูน – สำหรับใครที่เคยดูพวกเราแล้วหรือไม่เคย หรือเคยฟังเพลงแต่ไม่เคยมาดูเราก็อยากจะให้มานะเพราะเวทีที่ลิโด้เป็ยวงกลม แสง สี เสียง ความรู้สึกน่าจะอิ่มเอมแน่นอนครับ
กานต์ – ขอเชิญชวนทุกคนนะครับมางาน Bud Livehouse ของลิโด้นะครับอยู่ใจกลางเมืองมาง่ายกลับง่ายผมเล่นเสร็จก็นั่งบีทีเอสกลับบ้านเลยไม่ต้องกลัวฝน และก็ได้ใกล้ชิดกับพวกเราแน่นอนวัคซีน3เข็มแล้วไม่ต้องกลัวขอให้ทุกคนเอ็ยจอยกับงานครับและก็กับศิลปินที่มาร่วมเล่นกับเราในงานวันนั้น
บิว – ก็อยากให้ทุกคนมาจอยกันครับเวทีวงกลม มารุมดูพวกผมเยอะ ๆ นะครับไฟท์คลับแบบดนตรีมันจะเท่มากถ้าทุกคนมอชรอบเวที