VEGA – เวก้า วงที่นิยามตัวเองตอนนี้ว่า ไซคีล้านนา กับ Shambhala เพลงใหม่ซาวด์เด้ง

ลิโด้แนะนำ VEGA – เวก้า วงที่นิยามตัวเองตอนนี้ว่า ไซคีล้านนา กับ Shambhala เพลงใหม่ซาวด์เด้งให้กับวิญญาณของคนที่รัก Music Festival พร้อมการกลับมาเล่นสดบนเวทีในรอบ 2 ปี อยากให้คนฟังมาล่องลอยไปด้วยกันกับ VEGA 🌴

สมาชิก
มิว (ร้องนำ กีตาร์)
โย (เบส)
เฟี้ยว (กลอง)
กัน (กีตาร์ คีย์บอร์ด)
เจมส์ (คีย์บอร์ด ซินธิไซเซอร์)

: อยากรู้ถึงแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อวงว่า Vega ว่าทำไมถึงใช้ชื่อนี้จุดเริ่มต้นมาจากอะไร

มิว – ตามที่โยบอกไว้เลยครับ เพราะเราอยู่ด้วยกันทุกคนในวันนั้น

โย – ตู้แอมป์เบสครับ ชื่อยี่ห้อ Vega เป็นตู้รุ่นเก่าในวันนั้นได้ไปดื่มที่ห้องรุ่นพี่ แล้วได้พูดถึงเรื่องชื่อวงแล้วมีใครสักคนพูดขึ้นมาว่าให้เอาชื่อสิ่งของที่เห็น ก็ไปสะดุดตากับตู้นี้ เลยนิยามคำพูดไปว่า เวก้า เวก้า เลยได้ชื่อนี้มา

: ตั้งแต่รวมกันทำเพลงเมื่อปี 2014 จนมาถึงปัจจุบันคิดว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเติบโตไปจากเดิมบ้างไหม ยังไง

มิว – แนวคิดในการทำเพลงและภาพรวมของการทำโชว์จะเริ่มเติบโตขึ้นเหมือนกับเรามองดูตัวเองในวันที่เรายังเด็กชัด ๆ ก็คงความผิดพลาดหรือหลุดโฟกัสบางอย่างที่เรามองไม่เห็นตอนนั้น แต่ตอนนี้ก็เริ่มกลับมาแก้ไข

ใจความหลักของการเล่นดนตรี ผมมองว่าต้องมีความสุขในการเล่นก่อน แบบสุขจริง ๆ แล้วอะไรดี ๆ มันจะตามมาเป็นสเต็ปของมันเองอาจจตะหลุดจากคำถามไปนิด แต่ภาพรวมผมมองประมานนี้

โย – แนวเพลงในช่วงอัลบัมแรกจะออกไปทางไซคีร็อค ปัจจุบัน ยังคงความไซคีร็อค แต่เพิ่มความเป็นล้านนา ในการแสดงสด พวกเราซ้อมกันน้อยมาก เลยเล่นสดที่เป็นการคิดสดบนเวที (หัวเราะ) แต่ทำให้พวกเราเติมโตในเรื่องฝีมือกันเป็นอย่างมาก

เจมส์ – แนวเพลงก็เปลี่ยนไปจากตอนแรก วงมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น
และการทำงานต่างๆก็พัฒนาขึ้น ทั้งเรื่องของการทำเพลงและการแสดงสดบทเวที

: ถ้าให้สมมุติว่าวง Vega เป็นตัวละครหรือตัวการ์ตูนได้ 1 ตัว คิดว่าวงจะเป็นตัวละครหรือตัวการ์ตูนอะไร เพราะอะไร

มิว – ไม่ค่อยดูการ์ตูนด้วยสิ (หัวเราะ) ถ้าให้ตอบก็คงจะด็อกเตอร์ เซมเบ้ (หัวเราะ) บางมุมแอบเหมือนพวกเราอยู่มีความกวน ทะเล้น แต่พอจริงจัง ก็พอจะเป็นชิ้นเป็นอัน มีสาระอยู่บ้าง (หัวเราะ)

เจมส์ – โคนันคุง เพราะว่าไม่ว่าสถาณการณ์จะเลวร้ายสักแค่ไหน เจ้าหนูน้อยยอดนักสืบก็จะคลี่คลายสถาณการณ์นั้นได้เสมอ

: หลังอัลบั้ม Marcaron Psych Trip ตั้งแต่ Lucy in the Yellow Van, Somewhere that makes me strong เหมือนเราได้กลิ่นทั้งโมเดิร์นไซคี เมกันหน่อย ๆ บวกล้านนา คิดว่ายังไงกันบ้าง

มิว – ใช่ครับ เราตั้งใจให้เป็นแบบนั้นในบางอารมณ์ จากอัลบั้มแรกนั้นพวกเราทดลองล้วน ๆ เหมือนร้อนวิชา (หัวเราะ) แต่พอมาชุดที่ 2 ผมวางคอนเซ็ปต์ไว้ว่าต้องสนุกทุกเพล ถึงจังหวะช้าเพลงก็ต้องโยกได้สนุกแต่ไม่ทิ้งกลิ่นเดิมของเราเรื่องซาวด์นั้นจะหนักไปทาง 70′ ซาวด์และไม่ลืมรากของตัวเองที่มาจากดินแดนล้านนา

เราพยายามที่จะผสมมันส์ลงไปให้ได้มากที่สุดตามความเหมาะสมพยายามให้คนฟังแล้วคิดถึงยุคไซคีที่ยังรุ่งเรือง บุษพาชน อะไรแบบนี้น ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบเราเรื่องขี้โม้นั่นแหละครับ (หัวเราะ) การวางเนื้อเรื่องของชุดนี้เขียนจากเรื่องจริงทั้งหมดของการออกทริป เทศกาลดนตรีหนึ่งในเชียงใหม่ ที่ทำให้ผมประทับใจ

โย – เหมือนที่น้องเจมส์พูดเลยครับ ได้แต่กลิ่นกัญชา (หัวเราะ) อาจจะด้วยที่ว่า เล่นcoverแนวนี้มาโดยตลอดจึงได้สกิล หรือ อิทธิพลทางฝั่งนู้นมาความเป็นล้านนามาตอนช่วงหลัง ที่พวกเราอยากนำเสนอเพราะพวกเราเป็นคนเหนือ

เจมส์ – (ไม่เห็นได้กลิ่นเลยครับ ได้กลิ่นแต่กัญชาครับช่วงนี้) ปกติวงก็เล่นเพลง Cover สากลแนว ๆ พวกนี้อยู่แล้ว ไม่แปลกเลยที่จะซึมซับอิทธิพลจากเพลงแนว ๆ นี้จากฝั่งตะวันตก รวมไปถึงความตั้งใจที่จะสร้างผลงานที่เป็นเอกลักษณ์และชัดเจนในตัวเองมากขึ้นด้วย เลยเป็นที่มาของการผสมไซคีร้อคจากตะวันตกเข้ากับความเป็นล้านนาของภาคเหนือ

: แล้วจริง ๆ วง Vega นิยามแนวดนตรีของตัวเองว่าเป็นแนวไหน ณ ตอนนี้

มิว – ไซคีล้านนา เออดูผมจะมีสาระที่สุดละ(หัวเราะ)

โย – แนวคั่วโฮ๊ะครับ (รวมทุกแนวให้เป็นหนึ่งเดียว)

เจมส์ – แนวเXXโด้

: ซิงเกิลใหม่ที่ปล่อยออกมาเพลง Shambhala ที่มีเอ็มวีเหมือนเป็น Festival มีแรงบันดาลใจในการทำเอ็มวีนี้มาจากไหนบ้างเล่าให้ฟังหน่อย

มิว – mv คือฟุตเทจจริงในงานเลยครับ ผมตั้งใจอยู่แล้วว่าจะทำเพลงเกี่ยวกับเฟสติวัลนี้ เลยวางแผนกันว่าไปเที่ยวและเล่นดนตรีในนั้นให้ตากล้องประจำวง ไปตามถ่ายเก็บไว้เป็นฟุตเทจแล้วมาทำmvเลย ไม่มีแรงบันดาลใจทุกอย่างถูกวางแผนไว้หมดแล้วครับ

โย – ต้องถามมิวเลยครับ เพราะว่ามิวใช้ชีวิตอยู่ในงานเยอะกว่าเพื่อน ๆ

เจมส์ – ต้องถามมิวเลยครับ เขาชอบไปเมาที่งานนี้มาก

: แล้วเนื้อหาเพลงนี้อยากสื่อสารว่าอะไร

มิว – ทุกอย่างที่มีและสัมผัสได้ในงานนั้นครับผมพยายามหยิบมาใส่เท่าที่จะใส่ได้คนที่เคยไปจะรู้ดีครับถึงบรรยากาศงาน

โย – มิวน่าจะอยากสื่อถึงบรรยากาศในงานและอยากชวนผู้คนมาสัมผัสงานแบบนี้ครับ

เจมส์ – มิวเลยครับ เขาแต่งเพลงนี้ขึ้นมา ด้วยพลังใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

: เหมือนเห็นเคยว่าเนื้อเพลงอาจไม่สำคัญเท่ากับตอนเล่นให้รู้สึกได้ปลดปล่อยในมุมของพี่ ๆ เพลงที่ทำที่เล่นช่วยเยียวยาตัวเองยังไง

มิว – ใช่ครับ รู้สึกเหมือนกันบางที่ในเพลงมันมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่าเนื้อเพลงเยอะมาก เมโลดี้ก็มีส่วนแสดงถึงอารมณ์ข้างในของผู้เล่นเหมือนกัน

โย – ทุกครั้งที่เล่นจะรู้สึกถึงความเป็นตัวเองมากและชอบคิดสด ๆ กันหน้างาน มันทำให้สนุกในการแสดงสดมากและมักจะได้ไอเดียในการทำเพลงต่อ ๆ ไปจากการแสดงสดเนี้ยแหละ

เจมส์ – มีอิสระในการเล่นสดครับ พวกเราชอบด้นสดกันบ่อย ๆ และก็มักเกิดอะไรใหม่ ๆขึ้นในด้นสดนั่นแหละ

: จากเพลงล่าสุดปล่อยเมื่อปีที่แล้วคิดว่าวงมีแผนจะปล่อยซิงเกิลต่อไปหรือออกเป็น EP. กันอีกเมื่อไหร่ เร็ว ๆ นี้ไหม

มิว – เดโม่เสร็จ แต่ยังหาเวลาแจมกันอยู่ครับ เพลงของเวก้าต้องแจมจริง ๆ ไม่สามารถทำออกมาแบบหน้าคอมทั้งหมดได้

โย – มีเร็ว ๆ นี้แน่นอนครับ
เจมส์ – มีเพลงใหม่แน่นอนครับ

: ตื่นเต้นกันไหมกับเวทีวงกลมของลิโด้ในงาน Bud Livehouse ที่กำลังจะมาถึงเคยเล่นเวทีวงกลมที่เสมอกับคนดูแบบนี้มาก่อนไหม

มิว – ตื่นเต้นมากครับ ครั้งที่ลิโด้เลย แอบมองมานานแล้ว คนดูคุณภาพมากครับ

โย – ตื่นเต้นสุด ๆ ครับที่จะได้เล่นใกล้ชิดกับผู้ชมขนาดนี้ เพราะไม่เคยสัมผัสจุดนี้มาก่อน

เจมส์ – โอ้ววว ผมอยากเล่นมานานแล้วครับ

: รอบนี้เตรียมโชว์ หรือมีอะไรพิเศษมาเซอร์ไพรส์คนดูด้วยไหม

มิว – มีครับ เซอร์ไพรส์กันเองด้วย (หัวเราะ) สด ๆ เลยบางทีอาจจะสดบนเวทีเลยก็ได้

โย – มีแน่นอนครับ มีกัญชามาขายด้วย (หยอก ๆ ครับ)

เจมส์ – แน่นวลครับ

: สุดท้ายทักทายและชวนมาดู Vega หน่อย

มิว – ไม่มาดูแล้วจะมาบ่นทีหลังไม่ได้นะ นานทีเราจะลงไปเล่นนี้ก็ในรอบ 2 ปีเลยครับ มาเถอะ

โย – มาม่วนมาจอยกันเด้อหมู่เฮาเดี๋ยวพันลำหื้อดูด

เจมส์ – มาร่วมสนุกกันเยอะ ๆ นะครับโชว์นี้ไม่เหมือนที่ไหนที่เคยเล่นมาก่อนแน่นอนครับ

Related Posts