ลิโด้แนะนำ เจาะลึก 10 เพลงในอัลบั้ม “Brainwreck” กับ Soft Pine 
ชำแหละทีละ Track ปลดปล่อยความอันอั้นในวันที่แสนน่าเบื่อ ก่อนที่จะมาสมองไหลด้วยกันใน Soft Pine “Brainwreck” Album Launch Party 
วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายนนี้ พร้อมวงเปิดคุณภาพ Wadfah และ Chucky Factory Land
สมาชิก
เอ็กซ์ ธนวัฒน์ ดำรงศิริ ร้องนำ, กีตาร์
ไวกิ้ง กฤชชลัฐ อมรวชิรมงคล คอรัส, กีตาร์ และซินธ์
บูม อัคร ศรีปัญญาสกุล กลอง
: พูดถึงชื่ออัลบั้มหน่อยทำไมถึงใช้ชื่อว่า Brainwreck ใครเป็นคนคิดชื่อนี้ มาจากไหน ตั้งใจให้ความหมายหมายถึงอะไร สื่ออะไร
Soft Pine – ช่วงโควิดราว ๆ 2 ปีที่ผ่านมา การที่เราต้อง Lockdown เป็นเวลานานทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ที่เคยมีจากคนรอบตัว เพื่อน ๆ และคนรัก รวมถึงขาดการได้ไปเล่นดนตรีและการสังสรรค์ต่าง ๆ จนทำให้รู้สึก burnt out คิดอะไรไม่ค่อยออกบอกไม่ถูก เราเลยเรียกสภาวะนั้นกันว่าช่วงสมองไหล ซึ่งตอนแรกก็เรียกกันขำ ๆ แต่พอได้นำเรื่องราวเหล่านี้มาเล่าในอัลบัมชุดนี้ จึงอยากตั้งชื่ออัลบัมให้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งบังเอิญว่ามี weed ที่ใช้อยู่สายพันธ์หนึ่งชื่อว่า trainwreck เราก็เลยเอามาเปลี่ยนชื่อเป็น brainwreck ซะเลย
: แล้วในอัลบั้มนี้คอนเซ็ปต์ภาพรวมจะพูดถึงอะไร คอนเซ็ปต์
Soft Pine – 10 เพลงที่พูดถึงเรื่องราวอันแสนอัดอั้นอันน่าเบื่อหน่ายของพวกเรา ซึ่งแต่ละเพลงก็จะได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์ต่าง ๆ เล่าออกมาในอารมณ์ตลกร้ายบ้าง ระบายบ้าง ว่ากันไป ซึ่งคิดว่าสภาวะสมองไหลนี้ ทุกคนน่าจะเก็ทฟีลนี้จากช่วงล็อคดาวน์บ้างไม่มากก็น้อย
ถ้าเรื่องแนวเพลง เราก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะนิยามเพลงตัวเองว่าเป็นแนวอะไรเหมือนกัน เห็นเค้าเรียกกันว่าเป็น indie pop + jazz + psychedelic + rock n roll + อื่น ๆ
ก่อนเริ่มคือเราเห็นภาพของอัลบัมนี้ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว เราคิดว่าอยากทำเพลงที่ upbeat / energetic มากขึ้นกว่าชุดก่อน ๆ
และอยากลองนำ element ในฝั่งดนตรีแจ๊ซมาผสมดูบ้าง คิด theme หลักของอัลบัมใส่ไว้ในไลน์เบสจากนั้นค่อยนำไปทำ variation สำหรับเพลงต่าง ๆ ไลน์กีตาร์มีโน้ตแปลกๆ ซ่อนอยู่ rhythm แบบวิ่งบ้างเดินบ้าง ใส่ใจในการดึงคาแรคเตอร์ของ Soft Pine ออกมาให้ได้ชัดที่สุด อะไรแบบนั้น อยากให้ลองฟังดูครับ
ในพาร์ทของ music production เรายังคงทำงานกันในรูปแบบ home studio เหมือนเดิม ใช้อุปกรณ์ที่แต่ละคนสะสมนำมาทำโปรดัคชั่นแบบ DIY และทดลอง process ต่าง ๆ ที่ไม่เคยทำเพื่อหาซาวด์แปลกใหม่ รวมถึงการ mastering ผ่านเครื่องอัดเทป 8-tracks เพื่อให้ได้ซาวด์ analog / smokey ในแบบที่เราต้องการ โดยมีพี่พัด (บริพัตร แสงศิริ) จาก Folk9 มาช่วยในส่วนนี้
: ภาพที่ใช้เป็นปกอัลบั้ม ใครเป็นออกแบบ มีแรงบันดาลใจยังไงเล่าให้ฟังหน่อย
Soft Pine – ภาพนี้ออกแบบโดย พีช (ณัชชา หาญภักดีปฏิมา) ก็คือคนที่ออกแบบ artwork และ merchandise ทั้งหมดของ Soft Pine ซึ่งภาพของ Brainwreck พีชบอกว่าจากคอนเสปของอัลบัมนี้ ฟังแล้วนึกถึงรถที่พัง ๆ พังแบบ wrecked car คล้าย ๆ อาการสมองไหลที่ถึงเราจะรู้สึกแบบนี้แต่ก็ต้องไปต่อ อะไรประมาณนี้
: อยากให้อัลบั้มนี้ทำงานยังไงกับคนฟัง
Soft Pine – ก็อยากให้ลองฟังดู ฟังเสร็จแล้วรู้สึกอย่างไรหรือเห็นภาพแบบไหน ก็มาเล่าให้ฟังได้ เพราะเราคิดว่าแต่ละคนก็คงมีประสบการณ์แตกต่างกันไป อาจจะฟังแล้วได้รับสารใหม่หรือเรื่องราวใหม่ ๆ ไม่เหมือนกันก็ได้ น่าสนุกดีครับ
Underneath The Brain
Soft Pine – เพลงนี้คือไวกิ้งแต่งเดโม่เอาไว้ก่อนจะไปบวช จากนั้นเอ็กซ์ก็แต่งเนื้อเพลงแล้วส่งให้ไวกิ้งฟังแก้เบื่อระหว่างตอนบวช และเพลงนี้ได้ wadfah มาทำ music video ให้ เป็น animation เก๋ ๆ ทริป ๆ ชอบมาก
ส่วนตัวคิดว่าเพลงนี้บ่งบอกคาแรคเตอร์และคอนเสปของ Brainwreck ที่สุด จึงนำมาไว้เป็นเพลงแรก พาร์ทเนื้อเพลงก็คือตอนนั้นเหงาไม่ไหว แบบ dead inside แล้ว lockdown มานานเกิ้น คิดถึงชีวิตสมัยก่อน ก็เลยแบบนึกถึงช่วงที่ได้ออกไป hang out ข้างนอกแบบไร้สาระ ไร้จุดหมายกับเพื่อน ๆ ใครก็ได้พาชั้นออกไปที นึกออกมะ?
ส่วนพาร์ทดนตรีก็อยู่บ้านทำเดโม่ตอนดึก ๆ ตามฟีลลิ่งไปเรื่อย ๆ จนค่อยมาเห็นภาพชัดเจนทีหลัง ไม่มีไรมากครับ
Trippy World
Soft Pine – รู้สึกเป็นเพลงที่ภาพมันชัดเจนมาก แล้วก็เนื้อหาเข้าใจง่าย ความ trippy ในโลกวุ่น ๆ รู้สึกสนุกทั้งตอนแต่งและตอนเล่นสดเลย ดนตรีฟังง่าย สนุกง่าย upbeat โยกหัวตาม
เนื้อเพลงคือตอนนั้นเซงจัด ช่วงชีวิตเปลี่ยนผ่าน รู้สึก don’t belong here เลยเขียนเพลงนี้ออกมาในฟีลแบบตลกร้ายนิดนึง ตัดพ้อนิดหน่อย
ที่สำคัญวีดีโอจาก PARADEWAVES ไปตามกันได้ที่ร้าน ig : @trailertrashblueeyes
Like a Freak
Soft Pine – ต่อจากความรู้สึก don’t belong here จนบางทีเราก็รู้สึกว่าเราเหมือนเป็นคนที่แปลกแยกในสังคมรึเปล่า? ซึ่งคิดว่าคงเป็นเหตุการณ์ที่หลาย ๆ คนคงเคยประสบพบเจอมาบ้าง
วีดีโอเพลงนี้เป็น stop motion จาก ไอซ์ (Thanawan Sae-ian) ที่ช่วยทำให้ภาพของเพลงนี้ชัดเจนมากขึ้นอย่างมากเลย
พาร์ทดนตรีก็แคทชี่ ฟังง่าย แต่เสียงกีต้าร์ใส่โน้ต แปลก ๆ ผสานกัน ตั้งใจให้ได้ฟีลแบบวิ่ง ๆ ยุบยับ เพี้ยน ๆ อะไรแบบนั้นครับ
Lose My Hours
Soft Pine – เพลงนี้คือตั้งใจพูดถึงความเพลิดเพลินและการผ่อนคลายในช่วงโมเม้นนึง ใครที่เก็ทก็คงจะเก็ท แต่ถ้าให้เฉลยเลยก็คงจะไม่สนุก ภาพในหัวคือมีมูฟเม้น ล่องลอย เพ้อฝันหน่อย ๆ เหมือนเป็นการเบรคจากงานหรือรูทีนประจำวันอะไรสักอย่าง
ดนตรีสนุกสนานเต้นรำล่องลอยกลมกล่อมครับ มี chord progression ที่มีกลิ่นอายจากเพลงในอัลบัมก่อน ๆ ด้วย
พี่พัดบอกว่าเพลงนี้เหมือนเป็นเพลง My Sweet Egg ภาคสอง
Still TV
Soft Pine – เพลงนี้ได้พี่ณป่าน (Hariguem Zaboy / N A P A N) มาถ่ายเอ็มวีให้
เนื้อหาเพลงพูดถึงตอนเราโดนฟีดข้อมูลที่สื่อป้อนมาให้ จนสมองรู้สึกโอเวอร์โหลด คิดอะไรไม่ออก เรียบเรียงไม่ทัน เลยค่อย ๆ แยกแยะและปล่อยวางบางเรื่องลงบ้าง
ดนตรีก็มีไลน์เบสชวนโยกหัว เลเยอร์ของกีต้าร์ทับกันหลาย ๆ เสียง + noise ที่เหมือนหลุดมาจากทีวีที่ไม่มีสัญญาณ ฟังแล้วเหมือนโดนขังอยู่ในทีวี
Underwater Radio
Soft Pine – เป็น instrumental track ที่เกิดจากไอเดียเพลงคั่นโฆษณาที่เราได้ยินกันในวิทยุเก่า ๆ หรือในทีวีตอนดึก ๆ เลยเริ่มจากการแจมทีละเครื่อง เริ่มจาก drum machine จากซินธ์ที่บ้านพี่พัด (Folk9) พี่พัดก็พยายามทดลองการอัดเสียงแบบจำลองห้องห้องนึง เหมือนนั่งฟังบนโซฟาในห้องนั่งเล่นด้วยกัน ชิว ๆ เป็นเพลงที่ตอนทำรู้สึกสนุกใช้ได้เลย
Basement
Soft Pine – เพลงนี้เล่าเรื่องประมาณว่าเวลาเหนื่อยจากชีวิตประจำวัน ก็อยากจะมีห้องใต้ดินในบ้านเอาไว้ใช้หนีและพักผ่อน เหมือนในเรื่อง That 70s Show
เพลงนี้เล่นสดสนุกดีครับ rock ‘n’ roll, baby!
What’s In My Head?
Soft Pine – เพลงนี้นึกถึงตอนตัวเองนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวแบบวนไปวนมา จมอยู่กับเรื่องราวซ้ำเดิม ก็เลยเลือกใช้คอร์ดและ rhythm ที่ให้ความรู้สึกพิศวง งง ๆ วน ๆ ครับ
Fact #1 มี visual ประกอบจาก ไอซ์ (Thanawan Sae-ian) เป็นวีดีโอ loop ซึ่งถูกต้องกับเพลงนี้เลย
Lately
Soft Pine – เพลงนี้มาจากเรื่องส่วนตัว ซอรี่ครับ
Brainfreeze
Soft Pine – เป็นเพลงส่งท้ายที่เหมือนเป็นบทสรุปจบของอัลบั้มนี้ ตั้งใจให้ได้ฟีลเหมือนเพลง end credit ตอนจบหนังสักเรื่องนึง
ความ out of tune ในตอนท้ายมันบิดเบี้ยวจนอยากทิ้งตัวนอนหรือจะฟังวนอีกสักรอบก็ได้นะ
: สุดท้ายชวนทุกคนมาดูหน่อย
Soft Pine – ก็ผ่านมา 3 ปีแล้วจากงานครั้งก่อน อยากให้มาอัพเดตโชว์ใหม่ เพลงใหม่ ซาวด์ก็ใหม่ ซึ่งเราเตรียม Setlist ที่พร้อมเสิร์ฟให้ทั้งคนที่เพิ่งรู้จักเราและคนที่ติดตามมาตั้งแต่ช่วงแรก พร้อมเตรียมเซอร์ไพรส์เอาไว้นิดหน่อย
งานนี้จัดโดย Have You Heard? รวมถึง opening act ได้แก่ Chucky Factory Land และ wadfah ซึ่งทางเราก็ดีใจมาก ๆ ที่เค้าจะมาเล่นในงานนี้ด้วย อยากให้ทุกคนมาร่วมแชร์ประสบการณ์นี้ด้วยกันครับ รวมถึงถ้าใครรอ Merchandise เซ็ตใหม่ของ Soft Pine ก็มาตามกันได้ที่งานนี้ด้วยครับ
