เรากำลังอยู่ในยุคที่ใคร ๆ ก็เป็นอินฟลูฯ และทำเพลงได้ เพียงแค่มีคอนเทนต์
ตอนนี้ที่เลือดกรุ๊ปบีกำลังปังมาก แซงทุกวงการในไทยจนทำให้ EAT อีส มารูอ้วย ได้เดบิวต์ ไม่ใช่แค่ชาวจ๊อกหรือคนดูช่องกินอีกต่อไปแล้ว แต่ทุกคนรู้จักในฐานะหนิงหนิงเมืองไทย จากอินฟลูฯ สู่การทำเพลงที่ทำหน้าที่ขยายการรู้จักและการเข้าถึงมากขึ้น
การทำเพลงให้ติดติ๊กต็อก (Tiktok) กลายเป็นช่องทางที่ตอบโจทย์ในการสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง แค่หาตัวตน เอกลักษณ์ของคอนเทนต์ตัวเองให้เจอแล้วโพสต์ลงไปให้ปังแบบที่ทุกคนติดหูก็สามารถเอาไว้ต่อยอดในอนาคตที่ในการขายสินค้า และเป็นวิธีผันตัวเองเปิดช่องทางในการเป็นศิลปิน
ปรากฎการณ์ที่อินฟลูฯ เริ่มหันมาทำเพลงมากขึ้น โดยเลือกใช้ Tiktok เป็นเหมือนเครื่องมือแรกที่ทำคอนเทนต์ให้เพลงตัวเองเป็นที่รู้จัก ทำให้เราเห็นเหมือนกันมันเป็นลู่ทางใหม่ของตลาดดนตรี เราไม่สามารถตัดสินได้ว่าแบบไหนที่เรียกว่า เพลงที่มีคุณค่า แต่เราเห็นเหมือนกันว่าในพื้นที่นี้ก็มีการแข่งขันสูงสำหรับสายผลิต และต้องวางกลยุทธ์ด้วยที่จะให้ผลงานตัวเองอยู่ในเทรนด์ให้ได้นานที่สุด
ไม่ว่าจะเฮอร์ไมโอน้อง, Play with me (เล่นกันไหม), เลือดกรุ๊ปบี, เต็มคาราเบล และอื่น ๆ เราจะเห็นว่าอินฟลูฯ เหล่านี้ก็ทำเพลงของตัวเองให้ออกมาตอบโจทย์กลุ่มคนฟังเพลงได้หลากหลายเลย
จากกระบวนการทำเพลงที่มีหลายขั้นตอน แค่มีอินเตอร์เน็ตกับสมาร์ทโฟนใคร ๆ ก็มีเพลงของตัวเองได้โดยไม่ต้องฝึกฝนการเป็นศิลปินอีกแล้ว
แล้วในมุมมองศิลปิน การทำงานเพื่อโปรโมตเพลงของตัวเอง จากที่เน้นโปรโมทตามสื่อต่าง ๆ และเน้นทำโชว์ให้มีคุณภาพ แต่พอพฤติกรรมคนฟังเพลงเปลี่ยน ก็เลยกลายเป็นว่าศิลปินก็เริ่มมองเหมือนกันว่าช่องทางนี้ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดี ที่จะให้เพลงของตัวเองเป็นที่รู้จักกว้างขึ้น ด้วยการใช้เพลงสร้าง Challenge ใน Tiktok ซึ่งมันก็ทำงานและให้ผลลัพธ์ที่ดีมากที่วิ่งมาสู่การสนับสนุนผ่านสตรีมมิ่งและอื่น ๆ
นอกจากนี้เราก็จะเห็นว่าศิลปินหลายคนก็ใช้การทำเพลงในการคอนเทนต์เหมือนกัน อย่าง พี่เอ็ด 7 วิ ก็ใช้การทำเพลงในการสร้างคอนเทนต์ทำโฆษณาหรืออย่างศิลปินหลาย ๆ ที่ก็ใช้แชลแนลยูทูบทำ Vlog ของตัวเองเพื่อแย่งชิงพื้นที่สื่อเหมือนกัน
เอาจริง กระแสเพลงของอินฟลูฯ จากที่เราได้ฟัง มันก็มีทั้งความบังเอิญและจากการทำการตลาด ไม่ว่าจะเป็นเพลงรูปแบบไหนเราก็ยังคงมองว่าคุณภาพของผลงานสำคัญมาก ๆ แล้วเพื่อนคิดยังไงกับที่มันกำลังเปลี่ยนแปลงวงการเพลงในยุคนี้