Q : เป็นยังไงบ้างกับการเดินทางของ LAIKA ในระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา
LAIKA : ผมว่ามันเป็นการเดินทางที่ค่อย ๆ เดิน มันเชื่องช้าแต่แข็งแรง ด้วยไทม์มิ่งของการผลิตงานของเรา พอได้ใช้เวลาโดยที่ไม่มีตัวเข้ามาเร่ง ก็ทำให้แต่ละเพลงที่ทำ เราชอบจริง ๆ ทุกคนถึงจะได้ฟัง เรามั่นใจว่าทุก ๆ ชิ้นงาน ไม่มีงานไหนที่เราทำแล้วมันรั่ว ด้วยไทม์มิ่งที่ดีเลยได้ชิ้นงานที่คราฟ เลยคิดว่ามันเป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้เพลงของเรามันเดินทางไปถึงทุกคนได้เยอะ
LAIKA ไม่ได้มีเพลงที่ซับซ้อน ไม่ได้ลึก และไม่ได้ยาก เราคิดว่ามันถูกทดแทนด้วยความจริงใจของเนื้อหาและดนตรี เราพยายามที่จะทำงานในมาตรฐานมาโดยตลอด ตั้งแต่วันที่เริ่มจนถึงวันนี้มา 7 ปี ทุกก้าวที่ผ่านมาพร้อมกัน เราพยายาม keep quality ของงานเราอยู่ตลอด
Q : ถ้าให้มอง LAIKA เป็นสีสีหนึ่งผ่านเพลง ผ่านความเป็น LAIKA สีนั้นคือ
LAIKA : น่าจะเหมือนสีกรมท่า มีความ Dark Blue นะ สีเหมือนโลโก้ในเฟซบุ๊ก เพราะเพลง LAIKA เบสมันเศร้า แต่เรารู้สึกว่าภายในนั้นมันมีวิธีการมองความสัมพันธ์เหล่านั้นในแง่ดีบางๆ อยู่ เป็นเสี้ยวนึง คือมันไม่ได้ดำสนิทขนาดนั้น แต่เป็นดำที่ถูกยกขึ้นมาในสีน้ำเงิน
ซึ่งสีน้ำเงินมันก็เป็นสีที่ยังเศร้าอยู่ และอีกอย่างคือเพลง LAIKA มีบรรยากาศของช่วงเย็นเป็น Blue Hour ที่พระอาทิตย์มันลับไปแล้ว มวลมันคือสีนั้นแหละในความคิดผมนะ
Q : คิดว่าความเศร้า ความเจ็บปวดที่อยู่ในเพลงกลายเป็นเอกลักษณ์ของ LAIKA ไปแล้วไหม
LAIKA : ก็ใช่นะ ตอนที่ทำช่วงสองสามเพลงแรก ยังไม่รู้หรอกว่ามันเป็นสไตล์หรือเอกลักษณ์ยัง แต่พอผ่านมา 7 ปี มันเริ่มแข็งแรงและชัดเจนมาก แบบเออ มันยังมีวงแบบนี้ ทำเพลงแบบนี้ให้คนอื่นฟังอยู่ เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ก็ได้
LAIKA อาจจะไม่ได้แข็งแรงด้วยซาวด์ดีไซน์ หรือสไตล์เพลง แต่คือเบสที่แข็งแรง คือเนื้อเพลงและเมโลดี้ร้องที่แข็งแรง และเข้าถึงคนฟัง นั่นคือสิ่งสำคัญ เรารู้สึกว่าอยากทำดนตรีที่มันซัพพอร์ตกับเนื้อเพลง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงดู simple ง่าย ๆ เพราะเราเบสจากตัวเมสเสจเป็นหลัก ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้ไม่อยากที่จะทำอะไรใหม่ ๆ มันก็มีบ้าง
Q : พอเพลงของวงพูดถึงความเศร้าความเจ็บปวด เวลาเจอเรื่องเหล่านี้กับตัวเองมีวิธีรับมือกับมันยังไง
LAIKA : เราคิดว่ามันคือการรักตัวเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่ตัวเรามีความรู้สึกการรักตัวเองนี้อยู่ มันดูแลตัวเองได้ดีนะ เหมือนมีเกราะที่คอยปกป้องตัวเราอยู่ ใช้ได้กับทุกเรื่องเลย ไม่ว่าจะความสัมพันธ์ ชีวิต การงาน หรือเรื่องแย่ ๆ อะไรเข้ามา ถ้าความรักตัวเองมันแข็งแรงพอ ทุกอย่างมันจะโอเคหมด
อีกมุมนึงคือเวลาเจอเรื่องไม่ดี เราอาจจะต้องถอยไปตั้งหลัก สุดท้ายแล้วมันต้องมีวันที่เราเผชิญหน้ากับมันให้ได้ ต้องเห็นได้โดยที่ไม่รู้สึกอะไร อยู่กับมันให้ได้ มันจะทำให้เราก้าวข้ามผ่านมันไปได้
Q : ไม่ได้ออกงานเลยเป็นปี คิดถึงการได้กลับมาเล่นหรือตื่นเต้นไหม
LAIKA : อยากเจอทุกคนมาก ๆ เพราะไม่ได้เล่นนานด้วย ในระหว่างที่แต่ละคนต่อให้ไม่ได้มาทำเพลงร่วมกัน ผมคิดว่าชีวิตของทุกคนในวง มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเล่นดนตรี หรือทำดนตรีอยู่ตลอดอยู่าอล้ว เพราะฉะนั้นน่าจะไม่ได้มีปัญหา เราพร้อมมาก ๆ เลยที่จะได้เจอทุกคน
เหมือนเราก็ไปเตะบอลกับสโมสรอื่นมา แล้วแบบเหมือนโดนเรียกติดทีมชาติ ก็โอเคทุกคนกลับมารวมกัน
Q : ความพิเศษที่แฟน ๆ จะได้เจอในวันงาน
LAIKA : เราจะเล่นเพลงใหม่ของเราครับ “จดจำ” เราเพิ่งเคยเล่นไปแค่ครั้งเดียวก่อนที่เราจะพักทัวร์ และวันที่ 22 ธันวานี้ เราจะเล่นเพลงนี้กันให้ทุกคนที่มางานได้ฟัง
Q : อยากให้เชิญชวนแฟน ๆ มาเจอกัน
ตุลย์ : เราว่าเราอยากขอบคุณทุกคนมากกว่าที่ซื้อบัตรมา ที่สนใจและอยากที่จะมา ขอบคุณลิโด้ด้วยที่ให้โอกาสวงเราได้มาเล่น เราว่ามันเป็นไลน์อัพที่ดีมาก เราชอบงานของพี่ Zweed n’ Roll อยู่แล้ว เรารู้สึกว่าอยากมีงานนึงเหมือนกันที่อยากให้ได้เล่นด้วยกัน ซึ่งมันก็คือโอกาสนี้ คิดถึงทุกคนอยากเจอทุกคนเหมือนกัน ทั้งคนที่เคยมาเจอกันก่อนแล้วตามงานต่าง ๆ ทั้งคนที่กำลังจะได้เจอกันครั้งแรก เดี๋ยวไว้เจออกันครับ
ใหม่ : มากันนะครับ งานนี้พวกเราก็เต็มที่ครับ คิดถึงการเล่นกับไลก้า ก็คงจัดกันไปเต็มที่ ซ้อมกันไปสักหนึ่งครั้งพอ อาจจะเป็นเรื่องจริงด้วยนะซ้อมหนึ่งครั้งเนี่ย
อั้ม : ก็อยากเชิญชวนเพื่อน ๆ ทุกคนครับ เข้าใจว่าเป็นโอกาสไม่เยอะเลยที่จะได้ดูไลก้า และพิเศษกว่านั้นคือเป็นโอกาสที่พวกเราจะได้รวมตัวกันมาเล่น ในที่ที่มันแบบมีคนอยากดูเรามากขนาดนี้ อาจจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่รู้สึกว่ามีความหมายจังดลย ดูฟีดแบคแล้วรู้สึกว่าเออมีคนรอดูเราอยู่เหมือนกันนะ รู้สึกขอบคุณทุกคนเลยก็หลังจากนี้ก็จะพยายามออกไปเจอเพื่อน ๆ นะครับ