เราไม่อดทน หรือแค่กล้าออกมาเมื่อรู้ตัวเอง

เด็กสมัยนี้ไม่อดทนหรือกล้าที่จะออกมาจากสิ่งที่ตัวเองรู้ว่าควรล้มเลิก หนึ่งในเรื่องที่เราเจอเยอะมากในตอนนี้ เพื่อนรอบตัวจำนวนไม่น้อย กำลังตั้งคำถามกับสิ่งตัวเองอดทนอยู่ และความรู้สึกหลงทางในการค้นพบตัวเอง ไม่แน่ใจว่าตัวเองทำอะไรได้ดีหรือสิ่งที่ชอบจะทำให้เลี้ยงตัวเองและเป็นทุนสำรองในชีวิตให้รู้สึกปลอดภัยได้ยังไง การทำงาน สถานการณ์ครอบครัว และสภาพสังคม เป็นตัวหลักที่หลอมรวมความหนักอึ้งของความรู้สึกที่สับสนกับตัวเอง เมื่อต้องอยู่ในจุดที่ตัดสินใจเลือกในแต่ละทาง อดทนกับงานที่ตัวเองหมดไฟเพื่อเลี้ยงปากท้อง อยู่ในอำนาจของผู้ใหญ่ในบ้านเพื่อแสดงความกตัญญู ใช้ชีวิตอย่างปกติในเมืองโดยที่ปล่อยให้สิทธิพื้นฐานโดนกัดกิน หรือกล้าหาญที่จะออกมา ในสายตาของคนที่อยู่มาก่อน การล้มเลิกส่วนใหญ่ถูกมองเป็นการขบถและการยอมแพ้ ถูกมองว่าเราไม่อดทน ปรับตัวไม่ได้กับสภาพแวดล้อมสังคมที่เป็นชีวิตจริงในแบบผู้ใหญ่ การตัดสินก้าวออกมาจากสิ่งที่ตัวเองรู้ว่าไม่ทนอีกต่อไปมักถูกเสียงไล่หลังว่า นี่แหละเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่รู้จักอดทน มันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ถ้าเราบอกว่าไม่ใช่ แต่มันคือความกล้าหาญที่จะมีพื้นที่ให้ได้ค้นหาและรักตัวเอง สำหรับทุกการล้มเลิกที่กำลังหาเส้นทางเริ่มต้นใหม่ต่างหาก คิดยังไง ทำไมเราถึงพูดว่ามันคือความกล้าหาญ เพราะทุกเสียงจากเรื่องที่เราได้ฟัง การล้มเลิกต้องใช้ความกล้าอย่างที่สุดในการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่จะเดินออกมาจากที่เดิมที่คุ้นเคย สุดท้ายการพูดว่าการล้มเลิกคือการถอดใจ การอดทนเป็นของคนชนะเท่านั้น มันอาจจะไม่ใช่ คำพูดนี้สร้างวัฒนธรรมการอดทนอดกลั้นที่น่ากลัว ทุกคนมีปลายทางที่สำเร็จได้จากการรู้ว่าอะไรที่สิ่งที่ใช่กับตัวเอง ดังนั้น ไม่ใช่ไม่อดทนไม่ทน แต่เราไม่ทรยศความรู้สึกตัวเอง #SOFTSERVE#WinnersAreQuitters#LIDOCONNECT
วิจัยบอกสายใยแห่งสัมพันธ์ ถ้าเพื่อนเครียด เราจะเครียดไปด้วย

วิจัยบอกสายใยแห่งสัมพันธ์ ถ้าเพื่อนเครียด เราจะเครียดไปด้วย มีใครรู้สึกว่าเป็นแบบนี้บ้าง ถ้าเพื่อนในกลุ่มเครียดสักคนไม่ว่าจะเรื่องงาน เงิน สุขภาพ ความรักหรือครอบครัว เรื่องไหนก็ตาม คนในแก๊งก็จะกังวลด้วย น่าสนใจเพราะเรื่องนี้มักเกิดขึ้นกับกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่วัยทำงานถึงช่วงอายุ 28 ปี จากงานศึกษานักวิจัยเจอว่า ความเครียดของคนนั้นจะส่งผลกับเพื่อนที่อยู่ในกลุ่มด้วย ยิ่งถ้าทุกคนมีความเครียดกันหมด ระดับความของกลุ่มจะพุ่งสูงขึ้น ส่วนเหตุผลที่ความเครียดระดับบุคคลถ่ายทอดเชื่อมโยงกันในกลุ่ม นักวิจัยอาจระบุชัดเจนเลยไม่ได้ แต่ตั้งข้อสังเกตใช้แนวคิดจิตวิทยาความสัมพันธ์มนุษย์อธิบายว่า อาจเพราะพื้นฐานเวลาที่เรารู้สึกมีส่วนร่วมกับกลุ่ม เราจะพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ของคนอื่น และสังเกตอารมณ์เพื่อนเพื่อช่วยปลอบใจหรือหาทางออกให้ ซึ่งมันเป็นเหมือนอิทธิพลทางอารมณ์ร่วมกันนั่นเอง ที่สำคัญงานวิจัยชิ้นนี้เล็งจะศึกษาต่อกับช่วงอายุที่มาขึ้นอยู่ ส่วนทางออกที่นักวิจัยมองเห็นถ้าทั้งกลุ่มมีความเครียดสูงด้วยกันจนไม่มีใครผ่านมันไปได้ ก็คือการให้การปรึกษาแบบกลุ่มจากนักจิตวิทยาจะเป็นวิธีที่ช่วยได้จริงที่สุด อยากรู้เหมือนว่าถ้าเป็นวัยผู้ใหญ่เลยยังมีการเชื่อมโยงความเครียดในกลุ่มเพื่อนเหมือนกันไหม ถ้าไม่ ก็น่าคิดต่อเพราะว่าเพราะอะไร จะเกี่ยวข้องกับการที่รู้สึกร่วมกับกลุ่มน้อยลงตามวัยหรือเปล่า ทุกคนคิดยังไงบ้าง มีใครที่เพื่อนเครียดแล้วเครียดตามด้วยไหม #SOFTSERVE#StressEffects#LIDOCONNECT
Atelophobia ไม่รู้จะก้าวข้ามกำแพงนี้ยังไง เรากลัวตัวเองดีไม่พอ

ในโลกที่สอนให้ทุกคนไม่ยอมแพ้ แข่นขันกับตัวเอง ทุกคนมีฟีดโชว์แสดงความสำเร็จ เรากลับรู้สึกสูญหาย ตัวเล็กลงเรื่อย ๆ กลัวตัวเองดีไม่พอ และยากเวลาที่ต้องแบกรับอะไร ทำความเข้าใจ Atelophobia ภาวะที่เมื่อเราเข้าสู่ความคิดของการรู้สึกหล่นหาย สงสัยในความสามารถของตัวเอง กลัวดีไม่พอเวลาที่จะเริ่มต้นทำอะไรก็ตามแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ ถ้าต้องเลือกระหว่างลองทำ ลองผิดลองถูกก็เลือกไม่ทำไปเลยดีกว่า เลี่ยงทุกเลี่ยงสถานการณ์ที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกว่าสุดท้ายจะทำได้ไม่ดีพอ ความน่าเป็นห่วงคือภาวะนี้มีมีเอฟเฟกต์กับร่างกายเกิดกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งมีทั้งใจสั่น นอนไม่หลับ เหงื่อออก ขาดสมาธิ ย้ำคิดย้ำทำ ไปจนกระทบกับจิตใจเกิดความวิตกกังวลระดับรุนแรงที่ต้องปรึกษาแพทย์และใช้ยาร่วมด้วย จะเห็นว่า Atelophobia เป็นส่วนหนึ่งของโรควิตกกังวล ถ้าจะพูดว่าสาเหตุของภาวะนี้เพราะคนที่เป็นมีภูมิต้านทานต่อการเผชิญหน้าและความกลัวน้อยอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด การเติบโตจากเลี้ยงดูที่เข้มงวดตั้งแต่เด็ก การเจอสถานการณ์จากบุคคลที่ 3 ที่ทำให้ตัวเองฝังใจเวลาที่ตัวเองลงมือทำบางอย่างจนรู้สึกแย่ที่สุดเวลาที่ตัวเองล้มเหลวก็ส่งผลให้เกิด Atelophobia ได้เหมือนกัน ทุกคนมีความอ่อนไหวและการตั้งความหวังกับตัวเองกับตัวเองไม่เหมือนกัน ความกลัวต่อการทำทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ตาม เราเข้าใจนะ สิ่งที่จะช่วยได้ คือ คนใกล้ตัวก็ต้องเข้าใจ เปิดพื้นที่ให้มีเวลาตัดสินใจได้อย่างคอมฟอร์ต ถึงจะทลายความกลัวพวกนี้ได้ #SOFTSERVE#Atelophobia#LIDOCONNECT
5 ปี 10 ปี ไม่มีความฝัน ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะทุกคนมีจังหวะชีวิตเป็นของตัวเอง

5 ปี 10 ปี ไม่มีความฝัน ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะทุกคนมีจังหวะชีวิตเป็นของตัวเอง เราถึงเอาไม้บรรทัดแห่งความสำเร็จไปใช้วัดใครไม่ได้ จากประเด็นที่ครีเอเตอร์คนหนึ่งแชร์ประสบการณ์ที่อยากให้ทุกคนรู้จักการวางเป้าหมายชีวิตในอนาคต 5-10 ปี ข้างหน้าของตัวเองพร้อมกับแสดงความคิดเห็นว่าไม่ให้โทษระบบสังคม เศรษฐกิจโลก และการเมือง แต่ให้เริ่มขวนขวายด้วยตัวเอง ในเมื่อแต่ละคนมีต้นทุนทางเศษฐกิจไม่เท่ากัน เพื่อนคิดว่าความคิดนี้น่ากลัวแค่ไหน หากเรามองภาพกว้างว่าทุกวันนี้ว่าในโลกโซเชียลมีเดียพยายามเสนอภาพและหล่อหลอมชุดความสำเร็จให้ทุกคนมานำเสนอด้วยกัน สิ่งนี้สามารถสร้างได้ทั้งแรงผลักดัน แรงบันดาลใจ และแรงกดดันกับคนตัวเล็กที่กำลังพยายามอยู่จากต้นทุนที่ตัวเองมี อีกอย่างที่จะไม่นึกถึงไม่ได้ คือ ปัจจัยสังคมที่ส่งผลกับชีวิต ความฝันของแต่ละคน ไม่ว่าจะเรื่องครอบครัว ภาระที่หักรายได้ ชุมชน ประกันชีวิต ทุนสังคม และสวัสดิการ ที่เข้าถึงได้ไม่เท่ากันตามการอยู่อาศัย รวมถึงเรื่องการเมืองด้วย ซึ่งมันมีเรื่องเชื่อมโยงกันมันเยอะมาก ซึ่งแต่ละปัจจัยก็กดทับแต่ละคนไม่เท่ากันอีก แล้วจะตัดสินขาดได้อย่างไรว่าทุกคนควรมีเป้าหมายชีวิตที่เป็นสเต็ปก้าวหน้าแบบนั้น แรงกดที่แต่ละคนแบกรับนั้นค่อย ๆ หักกำลัง แพสชัน ความฝัน และต้นทุนที่มีลงเรื่อย ๆ โดยที่ยากด้วยซ้ำที่จะเตรียมการทุนสำรองชีวิตในอนาคต แค่ใช้ชีวิตประจำวันให้ผ่านไปได้อย่างดีก็น่าชื่นชมมากแล้ว เราเชื่อเสมอว่า เราแต่ละคนมีช่วงเวลาเติบโตเป็นของตัวเอง รวมถึงมีโอกาสที่จะได้ค้นหา ลองผิดลองถูกตามแผนที่ตัวเองวางไว้อย่างปลอดภัย แม้จะเจอความล้มเหลวหรือความรู้สึกท้อใจก็ไม่ใช่การตัดสินว่าเราไม่ได้พยายาม ดังนั้นไม่ว่าเพื่อนจะมีชีวิตอย่างไร วางแผนอนาคตหรือกำลังตั้งใช้ชีวิตในตอนนี้อยู่โดยไม่ได้มีเป้าหมาย เราก็ชื่นชมในแบบนั้น #SOFTSERVE#GrowingAtTheRightTime#Empowerment#LIDOCONNECT 에그벳 […]
ทำงานก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว จะเอาเวลาไหนมาเดท

ทำงานก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว จะเอาเวลาไหนมาเดท ยิ่งโต งานยิ่งเยอะ ความรับผิดชอบกับงานต่าง ๆ ทุกวันหมดไปกับการทำงานและเหนื่อยล้า ถ้ายิ่งโสดด้วยบางทีก็มีเคว้ง นี่เป็นปรากฎการณ์ของคนรุ่นใหม่จาก Waithood ที่สัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตและการเมือง การจะให้ใครจะสักคนเข้ามาอยู่ในชีวิตของคนวัยทำงาน อย่างหนึ่งจากตัวเอง เราก็สบายใจกว่าถ้ามีความพร้อมระดับหนึ่ง มีเงินใช้จ่ายเพื่อการเดทที่สะดวกสบายได้ ในเมื่อที่เดทดี ๆ ที่ฟรีมีน้อย รายได้ต้องพอซื้อสถานที่ที่ดี ของขวัญ กินของดี ๆ ได้ สิ่งนี้ก็ผูกกับการทำงานที่ทุ่มเทให้ได้เงินมากขึ้น แต่แล้วเวลาทีเหลือจากการทำงานก็ลดลงไปอีกที่จะไปสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ กลายเป็นว่าตัวช่วยที่มองเห็นก็เป็นแอปฯ หาคู่ ในเมื่อกว่าจะเลิกงาน มีเวลาไปเจอใคร เดินทางอีกการคุยกันในแอปฯ ให้โอเค แล้วมาเจอกันช่วงเย็นหรือวันหยุดที่ตรงกันอาจจะง่ายกว่า แต่มันมีประสิทธิภาพแค่ไหนกับคนที่มองหาความสัมพันธ์แบบจริงจังเพราะพื้นที่นี้ทุกคนต่างมีตัวเลือก ในขณะที่เพื่อนอีกหลายคนที่ไม่เลือกที่ใช้แอปฯ หรือเหนื่อยกับมันแล้ว การจะหาใครก็ใช้การรอจังหวะ การได้รู้จักแทน จากเพื่อนของเพื่อนหรือวงสังคมใหม่บ้าง แต่รูปแบบนี้ก็ใช้เวลา แล้วการที่จะมีแพลนเดทช้า ๆ ค่อย ๆ คุยทำความรู้จัก ซัพพอร์ตกันจากงาน ก็มีทั้งคู่ที่ประสบความสำเร็จ และคู่ที่ติดหล่มอยู่ในความคลุมเครืออีก รู้สึกว่าเรื่องนี้มันยากจริง ๆ แล้วรอบตัวเพื่อนทำงานที่โสดเหมือนกันก็ยังอยู่วังวนนี้ อยากชวนคุยว่าตอนนี้มีใครกำลังเจอเหมือนกันบ้าง หรือไม่มีปัญหาก็คุยและคบไปพร้อมกับทำงานได้ จัดการเวลายังไง ใช้วิธีแบบไหน แชร์หน่อย […]
หรือเมื่อหลายพันปีก่อน โลกเรามีอิโมจิจากอักษรอียิปต์โบราณ

หรือเมื่อหลายพันปีก่อน โลกเรามีอิโมจิจากอักษรอียิปต์โบราณ ประวัติศาสตร์ความเฟื่องฟูของการใช้อิโมจิในโลกเกิดขึ้นตอนที่อิโมจิก็ได้ปรากฎตัวครั้งแรกบนโทรศัพท์มือถือของญี่ปุ่น ช่วงปลายปี 90 จนทุกคนใช้กันแหลกลานมาถึงทุกวันนี้ มีข้อสงสัยว่าไฮเออโรกลีฟอียิปต์หรืออักษณโบราณที่ชาวอียิปต์ไว้ใช้เล่าเรื่องราวแทนคำพูดบนผนังที่สงวนไว้ใช้แค่กับตำราราชวงศ์เท่านั้น อาจจะเป็นต้นกำเนิดของไอเดียอิโมจิหรือเปล่า เรื่องนี้ถูกพูดถึงเล็ก ๆ ในสารคดีของ Netflix เออแล้วเราลองคิดตามมันก็น่าสนใจนะ เพราะในอดีตยุคที่ยังไม่มีตัวอักษาเป็นพยัญชนะหรืออักขระชัดเจน ภาพจิ๋ว ๆ พวกนี้มันก้ทำงานแสดงอริยบถเป็นเครื่องมือสื่อสารในตอนนั้น อิโมจิกลายเป็นภาษาสากลไปแล้ว สื่อสารกับทุกความสัมพันธ์ แถมใช้ได้หลายบริบทจะแสดงอารมณ์ ความขต้องการ ข้อร้องก็ได้หมด แอบคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าวันข้างหน้า อิโมจิ กลายเป็นภาษาเดียวที่โลกเรามี คิดว่าจะคุยกันรู้เรื่องไหม เราว่าน่าจะปั่นน่าดู #กูรูกูรู้ #อิโมจิ #GURUGUROO #LIDOCONNECT
เลี้ยงเราไว้ในความสัมพันธ์ แล้วถึงจุดหนึ่งเธอก็ทิ้งมัน

เลี้ยงเราไว้ในความสัมพันธ์ แล้วถึงจุดหนึ่งเธอก็ทิ้งมัน ใครเจออยู่บ้างมีช่วงที่รู้สึกสุขสุดกับความสัมพันธ์ไปได้ดี แต่แล้วอยู่ ๆ บางก็รู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว ดาวน์มากตอนที่อีกคนหายไปก่อนที่เขาจะกลับมาหาเราใหม่ ทำไมเรารู้สึกเหมือนโดนเล่นกับความรู้สึก อาจพูดได้ว่าเรากำลังเจอ Rollercoaster Relationship อยู่ จริง ๆ รูปแบบความสัมพันธ์นี้มีหลายระดับและแทรกอยู่ในแต่ละรูปแบบความสัมพันธ์ด้วย อย่างความสัมพันธ์ที่ยังไม่มีชื่อเรียก ไม่ได้ตกลงกันก็อาจจะเกิดขึ้นตั้งแต่ระยะที่เราคิดว่ามันคือการเป็นคุย เมื่ออีกคนมีเวลาที่เฟดไปจากเราและเขาอาจะมีตัวเลือกในความสัมพันธ์ สุดท้ายเขาก็เล่นกับใจเรา มีช่วงเดท มีเซ็กส์ ให้เรารู้สึกรักแล้วปล่อยเราไว้มาหาเราเป็นระยะให้เราเหงา เศร้า และตั้งคำถามกับตัวเอง เหมือนเลี้ยงเราเป็นแฮมสเตอร์ไว้ในกรง หรืออีกแบบที่ความพันธ์แบบนี้อยู่ในคู่ในคบกันแล้วก้เหมือนเกมเลยอะ อีกฝ่ายขยันเล่นกับความรู้สึก อารมณ์ขึ้นลง ดีสุด ใจดีสุดไปพร้อมกับก็ใจร้าย ทิ่มแทงกันสุด ๆ ด้วย ซึ่งมันมีความ Toxic ประมาณหนึ่งเลยที่ในความสัมพันธ์มีความไม่มั่นคงทางอารมณ์ มองดูแล้วแบบไหนก็มีความเจ็บปวด เราคิดว่าในทุกวันนี้ที่การสร้างความสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องยากโดยเฉพาะในโลกออนไลน์ เพื่อนอาจจะกำลังเจออยู่ไหม แล้วกับมันตอนนี้เป็นยังไง #SOFTSERVE #RollercoasterRelationship #LIDOCONNECT
ไม่พัก โลกโลกสงสัยยานแม่

ม่พัก โลกโลกสงสัยยานแม่ เอเลี่ยนแฝงตัวแกล้งเป็นอุกกาบาตมาสำรวจรึเปล่า ยังจำดาวหางโอมูอามูอาได้อยู่ไหม ตอนนี้นักฟิสิกส์กำลังวิเคราะห์มันคู่กับอุกกาบาตที่ตกในโลกปาปัวกินีกับเพนดากอน ดร.โลบ (Avi Loeb) จากฮาร์วาร์ดเลยลงทุนไปปาปัวกินีกับเพนดากอน เพื่อสำรวจซากอุกกาบาตว่ามันอาจเป็นยานแม่แฝงตัวมา จากเมื่อห้าปีก่อนที่โอมูอามูอามาเฉียดโลก มาถึงตอนนี้มีข้อสงสัยจากวิเคราะห์ที่น่าคิดด้วยกันว่ามันแปลกด้วยก๊าซที่ห่อหุ้มมัน ความแข็ง และการโคจรก็ไม่คงที่มีเร่งความเร็ว เลยคิดว่าอาจเป็นยานแบบเทคโนโลยีจากต่างดาวรึเปล่า ไม่ปกติสุด ๆ รอตามต่อว่าตกลงยังไง หลังเอาชิ้นส่วนที่ลงสำรวจปาปัวกินีไปวิเคราะห์ ตอนนี้ก็ยังเถียงกันอยู่ว่าโอมูอามูอาจะเป็นเศษดาวเคราะห์หรือยานแม่แฝงตัวมาส่องเรา #กูรูกูรู้#โอมูอามูอา#มนุษย์ต่างดาว#GURUGUROO#LIDOCONNECT
เดทแรก เลี้ยงข้าว VS แชร์กัน ?

ถึงที่ผ่านมาระบบอำนาจและระบบความเชื่อในโลกธุรกิจยังแฝงด้วยมุมมองเรื่องเพศ และผูกติดอยู่กับแนวคิดชายเป็นศูนย์กลาง (Androcentric) เพราะคำว่าสุภาพบุรุษที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยที่ทำให้เกิดชุดความคิดของที่คาดหวังการเป็นดูแลอีกฝ่าย ทำให้ผู้หญิงและคนที่มีความหลากทางเพศถูกมองว่ามีอำนาจน้อยกว่าในที่สาธารณะ และความสัมพันธ์ ย้อนกลับไปใกล้ ๆ ที่มีผลสำรวจเมื่อสองปีก่อนความเชื่อที่ว่าเดทแรกผู้ชายควรเป็นคนจ่ายก็ยังสูง 78% แล้วเป็นฝั่งผู้ชายที่เชื่อเองด้วย เพราะไม่อยากรู้สึกผิด รวมถึงรู้สึกว่ามันเป็นวิธีการที่จะปกป้องและแสดงความมีน้ำใจกับอีกฝ่าย แต่ถึงตอนนี้ที่เราตระหนักในเรื่องของความเท่าเทียมทางเพศ มันก็ทลายความเชื่อเดิม เพศไหนก็หารายได้และมีอาชีพเป็นของตัวเองแล้ว ดังนั้น นอกเหนือจากการตกลงแชร์ค่าใช้จ่ายอย่างเท่า ๆ กันเวลาออกเดทที่ถูกมองว่าแฟร์ที่สุดกับทั้งสองฝ่าย มันก็อาจจะเป็นความเต็มใจของฝ่ายหนึ่งที่อยากจะซัพพอร์ตในเดทนั้น เรามองว่าเรื่องนี้คุยกันต่อได้ เพื่อนแต่ละคนคิดยังไงบ้าง #SOFTSERVE #FIRSTDATE #LIDOCONNECT