MERE EXPOSURE EFFECT ไม่อินเพลงไวรัล
ทรงอย่างแบด เลือดกรุ๊ปบี เด็กคนนั้นโตมากลายเป็นเธอ ถึงไม่อินเพลงไวรัล แต่ดันร้องได้ทุกเพลง วิจัยบอกเป็นอาการ Mere Exposure Effect ทำไมบางเพลงที่เราได้ยินซ้ำ ๆ ต่อให้ไม่เคยเปิดฟังเองแต่ดันร้องตามได้ บางเพลงนี่หนัก ร้องได้ทุกคำยิ่งกว่าเพลงที่เราชอบฟังเอง นี่เป็นกลไกทางจิตที่เรามีแนวโน้มจะติดบางสิ่งจากได้ยิน ได้เห็นซ้ำ ๆ จากความคุ้นชินซึ่งมันอาจผ่านหูเข้ามาในสมองของเราตลอดโดยที่บางทีก็ไม่รู้ตัวด้วย ยิ่งช่วงไหนเพลงเป็นไวรัล เปิดกันทั่วบ้านทั่วเมือง ทำให้เราฟังบ่อยมากแบบไม่ได้ตั้งใจ เรายิ่งมีแนวโน้มที่จะชอบไม่ก็เอียนเพลงนั้นไปเลย (ชนิดที่ว่าชีวิตนี้ขอไม่ได้ฟังอีก) บอกเลยว่า Mere Exposure Effect มันเป็นกระบวนการที่ส่งผลกับเราแบบน่าตกใจสุด ตรงที่มันเป็นการป้อนชุดข้อมูลใส่เราจากภายนอกแบบที่เอาชนะการหาทำ หาดู หาฟังของเราเองได้ ตกใจต่อ ตรงหลักการทำงานของมัน เวลาที่เรารับข้อมูลไม่ว่าจะได้ยินหรือได้เห็น แบบพัก ๆ จะโผล่ขึ้นมาเองบ้างในโซเชียล ถูกเปิดตามห้าง ร้านใด ๆ ถึงเราจะไม่รู้ตัว ผลลัพธ์ก็คือสมองเราจะฝังความทรงจำได้ดีกว่าแบบที่เราเปิดวนไป ฟังเอง นี่เป็นหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่หลายแบรนด์สินค้าเลือกใช้ด้วย การเลือกวิธีการป้อนข้อมูลลักษณะนี้ เลือกกำหนดเวลาเป็นช่วงในการส่งโฆษณามาถึงพวกเรา ถือว่าเป็นวิธีการที่น่าสนใจ ไม่แน่เบื้องหลังของเพลงที่ติดอันดับโลกหลาย ๆ เพลงก็อาจจะเกี่ยวกับ Mere Exposure Effect ด้วยเหมือนทั้งแบบที่ตั้งใจเลยหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ตอนนี้มีใครรู้สึกว่าเจอ […]
อยากคุยด้วย ไม่ได้อยากคบ FODA ภาวะกลัวเดท ไม่ยอมคบใครจริงจัง
FODA อยากคุยด้วย ไม่ได้อยากคบ ภาวะกลัวเดท ไม่ยอมคบใครจริงจัง มากสุดแค่มี FWB ก็พอ ใครกำลังอยู่ในลูปนี้บ้าง กำลังคุยกันดีเลยดีเลย พอจะเจอจริง ๆ ก็กลัว ยิ่งคุยจริงจัง ยิ่งกังวล จนสุดท้ายได้เข้าไปอยู่ความสัมพันธ์ที่เป็นแค่คนคุยไม่ก็ Friend with benefits แล้วคิดว่าอาจจะดีกว่า สำหรับ FODA ก็เป็นหนึ่งในนี้ที่กลัวการเริ่มต้นและจริงจังกับความสัมพันธ์ ระดับความรุนแรงก็ต่างกันไปด้วย มีตั้งแต่คุยได้ เจอได้ แต่ถ้าจริงจังก็ไม่เอา ยันแค่จะเริ่มคุยยังยากมากเพราะกังวลก็มี ภาวะนี้เราบอกได้ว่ามันเป็นกลไกการป้องกันตัวเอง ซึ่งความเครียดมีผลโดยมาก รวมถึงประสบการณ์ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีที่คนเป็น FODA เจอมาด้วย ทำให้เกิดกำแพงที่จะกล้าไว้วางใจใครสักคนที่จะเริ่มมีความสัมพันธ์ ตกลงคบกันอย่างชัดเจน และเปิดเผยต่อสังคม แนวโน้มของ FODA ที่บางคนในเมื่อไม่มีความต้องการหรือกังวลที่จะมีความสัมพันธ์แบบจริงจัง ก็สนใจที่จะผันตัวเป็นความสัมพันธ์เชิงผลประโยชน์มากกว่าด้วย FWB เพื่อเซ็กส์ คุยเล่นแก้เหงาเท่านั้น ถ้าจะออกจากการเป็น FODA จะทำยังไง เราดูแล้วว่าไม่เจอวิธีที่ตายตัวนะ แต่หัวใจหลักมันคือเรื่องการไว้วางใจและเปิดใจกับความสัมพันธ์เท่านั้นเอง ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ถ้าเราเป็นคนที่จะเขาหา FODA ก็ต้องให้เวลาและทำให้รู้สึกคอมฟอร์ต ซึ่งเอาจริงมันก็พื้นฐานของการมีความสัมพันธ์ที่เฮลท์ตี้อยู่แล้ว ที่เราให้เห็นไม่ได้ต้องการชี้ว่า FODA […]
ในยุคที่อินฟลูหันมาทำเพลง
เรากำลังอยู่ในยุคที่ใคร ๆ ก็เป็นอินฟลูฯ และทำเพลงได้ เพียงแค่มีคอนเทนต์ ตอนนี้ที่เลือดกรุ๊ปบีกำลังปังมาก แซงทุกวงการในไทยจนทำให้ EAT อีส มารูอ้วย ได้เดบิวต์ ไม่ใช่แค่ชาวจ๊อกหรือคนดูช่องกินอีกต่อไปแล้ว แต่ทุกคนรู้จักในฐานะหนิงหนิงเมืองไทย จากอินฟลูฯ สู่การทำเพลงที่ทำหน้าที่ขยายการรู้จักและการเข้าถึงมากขึ้น การทำเพลงให้ติดติ๊กต็อก (Tiktok) กลายเป็นช่องทางที่ตอบโจทย์ในการสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง แค่หาตัวตน เอกลักษณ์ของคอนเทนต์ตัวเองให้เจอแล้วโพสต์ลงไปให้ปังแบบที่ทุกคนติดหูก็สามารถเอาไว้ต่อยอดในอนาคตที่ในการขายสินค้า และเป็นวิธีผันตัวเองเปิดช่องทางในการเป็นศิลปิน ปรากฎการณ์ที่อินฟลูฯ เริ่มหันมาทำเพลงมากขึ้น โดยเลือกใช้ Tiktok เป็นเหมือนเครื่องมือแรกที่ทำคอนเทนต์ให้เพลงตัวเองเป็นที่รู้จัก ทำให้เราเห็นเหมือนกันมันเป็นลู่ทางใหม่ของตลาดดนตรี เราไม่สามารถตัดสินได้ว่าแบบไหนที่เรียกว่า เพลงที่มีคุณค่า แต่เราเห็นเหมือนกันว่าในพื้นที่นี้ก็มีการแข่งขันสูงสำหรับสายผลิต และต้องวางกลยุทธ์ด้วยที่จะให้ผลงานตัวเองอยู่ในเทรนด์ให้ได้นานที่สุด ไม่ว่าจะเฮอร์ไมโอน้อง, Play with me (เล่นกันไหม), เลือดกรุ๊ปบี, เต็มคาราเบล และอื่น ๆ เราจะเห็นว่าอินฟลูฯ เหล่านี้ก็ทำเพลงของตัวเองให้ออกมาตอบโจทย์กลุ่มคนฟังเพลงได้หลากหลายเลย จากกระบวนการทำเพลงที่มีหลายขั้นตอน แค่มีอินเตอร์เน็ตกับสมาร์ทโฟนใคร ๆ ก็มีเพลงของตัวเองได้โดยไม่ต้องฝึกฝนการเป็นศิลปินอีกแล้ว แล้วในมุมมองศิลปิน การทำงานเพื่อโปรโมตเพลงของตัวเอง จากที่เน้นโปรโมทตามสื่อต่าง ๆ และเน้นทำโชว์ให้มีคุณภาพ แต่พอพฤติกรรมคนฟังเพลงเปลี่ยน ก็เลยกลายเป็นว่าศิลปินก็เริ่มมองเหมือนกันว่าช่องทางนี้ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดี ที่จะให้เพลงของตัวเองเป็นที่รู้จักกว้างขึ้น ด้วยการใช้เพลงสร้าง […]
คนในแสงทำผิด ต้องขอโทษเท่าไหร่ถึงพอ ?
คนในแสงทำผิด ต้องขอโทษเท่าไหร่ถึงพอ ? เราควรยกโทษให้เซเล็บที่บ้งทุกคนรึเปล่า จากกรณีล่าสุดที่มีการเรียกร้องการออกมาขอโทษและรับผิดชอบของนักแสดงในบ้านเราต่อพฤติกรรมที่เคยกลั่นแกล้งเพื่อนในชั้นหลายคน ที่หนึ่งในนั้นมีคนที่เป็นออทิสติกอยู่ด้วย กลายเป็นบทเรียนราคาแพงของคนที่ใช้ความรุนแรง บูลลี่คนอื่นที่เรามองเห็นด้วยกัน ทำไมถึงต้องชดใช้ด้วยการได้รับการอภัยจากเหยื่อและสังคมโดยเฉพาะคนดัง เราใช้คำถามว่าการทำเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องในอดีตที่อาจเกิดขึ้นจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความยังไม่ได้ตระหนักจากในวัยเด็กหรือวัยรุ่นได้จริงไหม การบูลลี่และการกลั่นแกล้งที่เกิดขึ้น เราพูดไม่ได้เลยว่าแบบไหนที่เจ็บปวดที่สุด มันหลายรูปแบบมาก ล้อเลียนหน้าตา ผิว ฐานะทางการเงิน เชื้อชาติ รสนิยม บอกว่าแซวเล่น ล้อเลียนชื่อเฉพาะ ศาสนา แกล้งเล็กน้อย ผลัก ทำให้ตกใจ สาดน้ำ เขียนสีบนตัว ไปจนถึงทำร้ายร่างกาย และอีกหลายวิธี ทุกอย่างมันกลายเป็นแผลทางใจได้ทั้งนั้น ความรุนแรงในการกลั่นแกล้งและบูลลี่ที่เกิดในโรงเรียน ทำให้หลายคนที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นและกำลังหาคุณค่าในตัวเองต้องเป็นซึมเศร้า วิตกกังวล ในบ้านเรามีเคสให้เห็นทุกปี เด็ก ม.ต้น ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองจากการถูกเพื่อนบูลลี่ไม่สามารถแบกรับความเจ็บปวดจากคำที่ได้รับมา เรามองว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก จากความรู้สึกอับอายกลายมาเป็นบาดแผลทางใจไปจนถึงการตัดสินใจฆ่าตัวตาย แม้ว่าสำหรับหลายคนที่เป็นผู้ถูกกระทำที่สามารถผ่านมันมาได้ด้วยความเข้มแข็งก็ยังมีรอยแผลในใจอยู่ดี ความทรงจำพวกนั้น ถ้ามันกลับมาก็ทำให้รู้สึกแย่กับตัวเอง ฝันร้าย และเข้าสู่ภาวะซึมเศร้าได้ ในมุมภาพใหญ่ระดับประเทศ การลงโทษของคนที่เป็นผู้กระทำที่กลั่นแกล้ง บูลลี่คนอื่นมีโทษหนักแค่ไหน มันมากพอที่จะชดเชยความเจ็บปวดของเหยื่อได้หรือยัง เรามีกรณีศึกษาในประเทศเกาหลีใต้และในสหรัฐอเมริกาหลายเคสมาก ความเข้มข้นของการลงโทษจากสังคมในสองประเทศนี้ ถ้าเจอคนดังหรือคนที่มีผลต่อสังคมเคยเป็นคนที่เคยแกล้ง บูลลี่คนอื่น จุดสุดท้ายคือการลงชื่อเรียกร้องให้ถอดถอนจากอาชีพศิลปิน นักแสดง และได้รับโทษตามกฎหมายในกรณีที่เป็นการกระทำที่รุนแรง (ลองอ่านการลงโทษและเคสเพิ่มเติมได้ที่อ้างอิง) ในจุดของคนที่เป็น คนในแสงของสังคม มีพื้นที่สื่อเป็นของตัวเองยิ่งเป็นบทเรียนร่วมอย่างดี การขอโทษและให้มองการกลั่งแกล้ง บูลลี่เป็นเพียงเรื่องคึกคะนอง เราตั้งคำถามว่ามันจะเป็นการทำให้การกระทำเหล่านี้จะกลายเป็นตัวอย่างที่ถูกมองว่าเป็นการกระทำที่เกือบจะปกติ […]
สรุปเลือดกรุ๊ปบีค้องโสดมั้ย หรือที่จริงการไม่มีใครเอาไม่เกี่ยวกับกรุ๊ปเลือด
“หรือเป็นเพราะเลือดกรุ๊ปบีหรือเปล่า” สารภาพ ในหัวใครยังมีเพลงติดหูอยู่ เพลงมาแรงสุด ในเนื้อเพลงพูดถึงการโดนเท ตัดพ้อ เพราะว่าเราเป็นกรุ๊ปนี้ เธอเลยไม่เอา ตกลงมันเกี่ยวไหมที่ตัดสินว่ากรุ๊ปบีต้องโสด (หรือจริง ๆ จะเลือดกรุ๊ปไหนก็ยังโสด ) ตกลงแล้วกรุ๊ปเลือดจะตัดสินตัดสินเราได้ไหม เรามาดูก่อนว่าความเชื่อเรื่องกรุ๊ปเลือดกับนิสัยมันมีจริง ๆ ไม่แปลกที่ชุดความคิดพวกนี้มามาถึงเราเพราะมันเคยมีทฤษฎีความเชื่อว่ากรุ๊ปเลือดสามารถบอกได้ว่าเราเป็นคนยังไง มีนิสัยแบบไหนได้เลยจากญี่ปุ่น มาเลยอันแรก ตั้งแต่ปี 1920 มีทฤษฎีความเชื่อของ Tokeji Furukawa ศาสตราจารย์ชาวญี่ปุ่น (นับว่าเป็นการศึกษาครั้งแรกเลยก็ว่าได้) เขาพูดเอาไว้ว่า “กรุ๊ปเลือดของมนุษย์เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของอารมณ์” จากการประเมินทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ตอนนั้นคนก็เริ่มเอาเรื่องกรุ๊ปเลือดกับนิสัยไปโยงกันละ ทีนี้ต่อมา ปี 1971 Nomi นักเขียนชาวญี่ปุ่น ได้ตีพิมพ์หนังสือชื่อว่า “Understanding Affinity by Blood Type” เกี่ยวกับการให้คำแนะนำและทำนายการใช้ชีวิตตามกรุ๊ปเลือด บอกไว้ว่า “1 ใน 4 ของพฤติกรรมและบุคลิกภาพของบุคคลนั้นเป็นผลมาจากกรุ๊ปเลือด” สิ่งที่เกิดขึ้น ชุดความคิดนี้ก็ถูกส่งต่อกันมาเรื่อย ๆ เวลาผ่านมา แนวคิดนี้กระจายไปทั่ว เอเชียนี่หนักแน่มาก ทุกแพลตฟอร์ม ทุกคนหันมาดูกรุ๊ปเลือดตัวเองกับตำราทายนิสัยต่าง ๆ […]
ตึงจริง สวีเดน! ทั้งที่ประเทศดีติดอันดับโลก แต่ทำไมถึงมีวงเดธเมทัล เยอะจนล้นวงการ
ตึงจริง สวีเดน! ทั้งที่ประเทศดีติดอันดับโลก แต่ทำไมถึงมีวงเดธเมทัลเยอะจนล้นวงการหรืออยากได้อะไรที่มันท้าทาย เวลานึกถึงประเทศแถบสแกนดิเนเวีย เพลงแบบไหนที่เด้งขึ้นมาหัว ถ้าเราจะรู้สึกว่าเป็นโฟล์ค ไม่ก็เพลงบรรเลงช้า ๆ ที่มันดูเข้ากับบรรยากาศภูมิประเทศไลฟ์สไตล์แบบผู้เจริญ อ่อน นุ่ม แต่เราตกใจมาก พอรู้ว่าดนตรีที่มีจนล้นประเทศกลับเป็นแนวเดธเมทัล (Death Metal) งงเลย ได้ไง อย่างสวีเดนที่มีวงเมทัลเยอะจริง เขาดุดันกันด้วยหรอ เราเลยลองไล่ย้อนดูประวัติรากของดนตรีแล้วก็ได้เจอว่า Swedish Death Metal หรือ SDM มีการก่อตัวของดนตรีมานานมากแล้วตั้งแต่ปี 1980 ซึ่งเริ่มที่เมืองโกเธนเบิร์ก (Gothenburg) ความน่าสนใจคือแนวเพลงนี้กระตุ้นความรู้สึกของความลำบาก สับสัน ระบายอารมณ์ และความตาย จนถึงขั้นถูกเรียกว่า “Goth” ตามชื่อเมืองและมีวงเมทัลเกิดใหม่เรื่อย ๆ แล้วถ้าย้อนไปเก่ากว่านั้น เรารู้ว่าคนสวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ก (อาจจะมี) บรรพบุรุษเป็นชาวไวกิง (Vikings) ซึ่งเป็นกลุ่มนักรบที่ฮาร์ดคอร์ แล้วก็ให้กำเนิดดนตรี Viking-Metal ด้วยที่ไว้ใช้สำหรับปลุกใจ งานเลี้ยงค่ำ และสรรเสริญเทพเจ้าในเทพนิยายนอร์ดิก ทีนี้พอกลับมาสวีเดนที่เมทัลแตกแยกออกไปหลายแขนงจัด เดธเมทัล เฮฟวี่เมทัลขึ้นเป็นแนวดนตรีที่สัมพันธ์กับความต้องการตอบสนองชีวิตคนในประเทศที่สุด จนมีสัดส่วนที่น่าตกใจมาก […]
New Year Resolution แล้วยังไปได้ไม่ไกล ลองเริ่มทำอะไรก็ได้ที่อยากทำจากเรื่องเล็ก ๆ
ลองเคารพตัวเองอีกที ถ้าตั้ง New Year Resolution แล้วยังไปได้ไม่ไกล ให้เริ่มทำอะไรก็ได้ที่อยาก จากเรื่องเล็ก ๆ จะหมดปีแล้วเป็นยังไงบ้าง ลิสต์ที่เคยตั้งไว้ว่าจะทำ ได้ทำไปกันแล้วบ้างไหมหรือเผลอผลัดมาเรื่อย ๆ หลายคนอาจจะรู้สึกเฟลพอมานั่งรีวิวตัวเองตลอดทั้งปีว่ายังไม่ได้เริ่มเลย ไม่เป็นไร อย่าเพิ่งตำหนิตัวเอง มาลองดูกันอีกที มาดูว่าทำไมเราถึงควรวาง New Year Resolution ลง การเลิกมองมันก่อนช่วยให้เราลดความกลัวในการก้าวออกจากเซฟโซนที่เราติดอยู่ได้ เราจะเจอว่าหลายครั้งที่เราหรือเพื่อน ๆ เองก็ตามพอตั้งเป้าประจำปีสัก 1-3 เป้าใหญ่แล้วพอจะเริ่มลงมือ กลับรู้สึกว่ากังวลกับตัวเองว่ามันต้องใช้ปัจจัยหลายอย่าง ความพร้อม ใจ เวลา เงิน และอื่น ๆ สุดท้ายเราเลยไม่ได้ลงมือกับมันสักที เทคนิคที่อยากให้ลองคือการแตกเช็คลิสต์จากเป้าใหญ่ของเราเองให้ละเอียดเท่าที่ทำได้ ไล่ไปจากจุดเริ่มต้น พร้อมกับการบันทึก จะบันทึกวิธีไหนก็ได้ เขียน ถ่ายรูปเก็บไว้ บันทึกเป็นเสียงหรือสร้างแอดเคาท์ส่วนตัวสักที่สำหรับโพสต์บันทึก พลังของการบันทึกจะช่วยให้เราเห็นความก้าวหน้าของตัวเองจากจุดเริ่มต้น ช่วยให้เวลาที่เรามาย้อนดูบันทึกของตัวเองก็ใจฟูด้วยทำให้เราหมดไฟยากขึ้น ซึ่งการบันทึกไม่จำเป็นจะต้องบันทึกเฉพาะด้านดีด้วย เราจะบันทึกความท้อ อุปสรรค ปัญหาที่เราเจอลงไปด้วยก็ได้พร้อมวิธีที่เราใช้แก้สถานการณ์นั้น ตัวอย่าง เป้าของเราคือการสอบวัดระดับภาษาให้ได้ในภายในปลายปี เรามองเห็นแล้วว่าเราจะเริ่มจากการเก็บคำศัพท์ไปก่อนวันละ 10 คำ (ใน […]
APPLE MUSIC ร้องคาราโอเกะให้แม่ด่าไปเลย
สายคอทองคำ พร้อม ใครใช้ Apple Music โหมดร้องคาราโอเกะมาแล้ว เปิดคอนเสิร์ตตอนอาบน้ำให้แม่ด่าไปเลย ตอนนี้ทยอยอัปเดตแล้วทุกคนใน Apple Music ใครใช้ลองเช็คดูจะเจอ Apple Music Sing มีโหมดตัดเสียงร้องให้เราร้องแบบคาราโอเกะได้แล้ว แล้วก็พิเศษอีกเพิ่มฟังก์ชันคือมีเสียงร้องประกอบเป็นเหมือนเสียงคอรัส (Chorus) ให้เราด้วย โดยที่จะมีแถบเสียงให้เราเพิ่มลดได้ ใครฝึกร้องเพลงอยู่ ปังนะ อันนี้ใช้ได้ทั้งใน iPhone, iPad และ Apple TV 4K ใหม่ด้วย ต้องลองอัปเดตเวอร์ชั่น IOS ให้เรียบร้อยดู ถ้ายังไม่มีแสดงว่า Apple กำลังทยอยอัปเดตให้ทุกคนอยู่ (แต่เขาคอนเฟิร์มเองนะว่าเดือนนี้)ไหนใครมี Apple Music Sing แล้วบ้าง โชว์หน่อย ปีใหม่นี้เอาไปเปิดตี้ร้องกันเลย
ย้อนดูความสวยในประวัติศาสตร์ที่ผู้หญิงต้องแลกมาด้วย “ความเจ็บปวด”
ปฏิเสธไม่ได้เลย “ความสวย” เป็นเรื่องที่แทบทุกคนใฝ่ฝัน แล้วถ้าพูดคำว่าสวย เราคงอยากได้ยินจากคนที่เราเชื่อว่าเขาชื่นชมเราจริง ๆ เพื่อน ๆ เคยอยากได้คำชมว่าสวยไหม ความสวยที่ผ่านมาจากจุดเริ่มต้น มันแทบไม่เคยเปลี่ยนเลย เรายังคงตามหาความสวยให้ตัวเอง ซึ่งมันก็กลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนทุกยุค ที่พยายามแต่งหน้า บำรุงผิว ทำผม แต่งตัว เล็บ และอื่น ๆ เพื่อให้คนรอบตัวยอมรับ ซึ่งตลาดก็ทำหน้าที่เสิร์ฟสิ่งเหล่านี้ให้ผู้บริโภค แต่รู้ไหมเราเจอว่าผู้หญิงในอดีตมีค่านิยมความสวยที่แปลกมาก เพราะผู้หญิงบางคนถึงกับยอมเสี่ยงชีวิตของตนเอง เพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานความงามของยุคสมัยนั้น ๆ ต่อให้ต้องยอมทนเจ็บปวดจากการทำสวยมากก็ตาม เพื่อให้ตัวเองถูกยอมรับจากครอบครัว สามี ชุมชน แวดวงสังคม โดยถ้าไม่ทำก็คงถูกกีดกัน ซึ่งอาจถึงขั้นโดนมองว่าแปลกในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ ทีนี้มาดูกันว่าในอดีตมีความเชื่อเกี่ยวกับค่านิยมความสวยงามอะไรบ้างที่แปลกประหลาด และอาจเป็นความสวยที่เพื่อน ๆ คาดไม่ถึงมาก่อนว่ามันเคยเกิดขึ้นจริงมาแล้ว ยืดกะโหลกเพื่อให้หน้าผากดูสวย ความเชื่อของชาวมายันโบราณเชื่อว่าการมีหน้าผากที่แบนเรียบถือว่าเป็นความงดงาม ซึ่งพวกเขาทำการกดและผูกกะโหลกเป็นรูปทรงต่าง ๆ ทนใส่เสื้อรัดรูปที่ทำจากโลหะจนกระดูดซี่โครงหัก ในศตวรรษที่ 19 มีกระแสนิยมบอกว่าผู้หญิงควรมีเอวเล็ก ซึ่งคอร์เซ็ต (เสื้อผ้ารัดรูป) สมัยก่อนทำมาจากโลหะ ทำให้ผู้หญิงที่สวมคอร์เซ็ตทุกวันต้องทรมานจากกระดูกซี่โครงหักและอวัยวะที่ถูกเคลื่อนย้ายนั่นเอง อาบสารหนูเพราะคิดว่าจะทำให้ผิวขาวและดูเด็ก ในยุควิกตอเรีย (ช่วงปี 1837-1901) ผู้หญิงจุ่มตัวเองลงในสารหนูเพื่อให้มีผิวที่ขาวราวกับน้ำนม และก็มีเครื่องสำอางจำนวนมากที่ใส่สารหนูลงไปเพราะเชื่อว่าจะทำให้ผิวดูขาวขึ้นและอ่อนวัยขึ้น ยอมใส่รัดเท้าจนกระดูกหัก เริ่มตั้งแต่ยุคต้นของศตวรรษที่ 10 […]
Virtualartgallery.com ชมงานศิลปะระดับโลกในนิ้วเดียว ไม่ต้องบินไปเอง มีทุกรูปแบบยันงานแปลก! 🖼️
ชมงานศิลปะระดับโลกในนิ้วเดียว ไม่ต้องบินไปเอง มีทุกรูปแบบยันงานแปลก! 🖼️ เราแอบไปส่องแกลลอรี่นึงจากต่างประเทศมา น่าจะเหมาะกับคนงบน้อยแต่อยากชมงานศิลปะระดับโลก หรือจะเป็นคนโสดขี้เหงาแบบเรา ๆ ในช่วงเทศกาลแบบนี้ ไม่มีใครชวนไปดูงานศิลปะ ก็ไปเองซะเลยใน Virtualartgallery ที่จะพาเพื่อน ๆ ไปเยี่ยมชมผลงานศิลปะและนิทรรศการเยอะแยะมากมายได้ทุกที่ทั่วโลก บอกเลยมันน่าสนใจมาก เพราะในนั้นมีหลากหลายนิทรรศการ และผลงานศิลปะหลายรูปแบบให้เลือกชม ทั้งภาพ 3 มิติ ภาพเคลื่อนไหว แล้วไม่ใช่แค่นั้นนะ แต่ยังมีเพลงให้เราได้คล้อยตามขณะชมผลงานนั้น ๆ ด้วย ทำให้รู้สึกเหมือนได้ดื่มด่ำ และพาเราไปเปิดประสบการณ์ศิลปะในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป เราได้หยิบเอา 5 งานนิทรรศการต่าง ๆ ใน https://virtualartgallery.com มาให้ดูด้วยแหละ ใครไม่อยากเสียตังบินไปดูถึงต่างประเทศ ลองไปเดินเล่นดูกันได้เลย ________________________________________ ถ้าไม่อยากพลาดคอนเทนต์ดี ๆ แบบนี้จากลิโด้ กดไลก์ กดติดตาม Lido Connect เป็นรายการโปรดไว้เลยที่มุมขวาบนของหน้าเพจ กดเลือก การตั้งค่าการติดตาม รายการโปรด หรือ Favourites ทุกเรื่องที่เราตั้งใจหยิบมาเล่า อยากเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนและหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงโลกได้