ชวนรู้จัก Solitude Is Bliss ก่อนจะมา LIDO LIVEHOUSE PRESENTS SOLITUDE IS BLISS & TOFU

ชวนรู้จัก TOFU วงอินดี้ร็อก ก่อนจะมาเจอกันใน LIDO LIVEHOUSE PRESENTS SOLITUDE IS BLISS & TOFU

เตรียมพบเซอร์ไพรส์จัดเต็ม! กับเช็ตลิสต์เดือด ๆ ที่ TOFU จะงัดมาเล่นในงานนี้!

สมาชิก

เฟนเดอร์-ธนพล จูมคำมูล (ร้องนำ, กีตาร์)

เบียร์-เศษรฐกิจ สิทธิ (กีตาร์)

โด่ง-จอมยุทธ์ วงษ์โต (เบส)

ปอนด์-ทรงพล แก้ววงศ์วาร (คีย์บอร์ด)

แฟรงค์-ศรัณย์ ดลพิพัฒน์พงศ์ (กลอง)

Q : ช่วงนี้พี่ ๆ เป็นยังไงกันบ้าง ?

เฟนเดอร์: ช่วงนี้กำลังวางแผนหลังบ้านหลาย ๆ อย่างกับทางวง และก็ดูแลสุขภาพตัวเองเยอะขึ้นและก็เดินทางบ่อยขึ้นครับ รวมไปถึงโปรเจคส่วนตัวด้วยครับ View From The Bus Tour

แฟรงค์: ตอนนี้ก็ซ้อมดนตรีเหมือนปกติ เล่นดนตรีกลางคืน และกำลังหาไอเดียที่จะทำเพลงในอัลบั้มใหม่

ปอนด์: ยังเล่นร้านกลางคืนเป็นหลักครับ แต่ไม่เล่นบ่อยเท่าเมื่อก่อน เมื่อก่อนจะเล่น 4-5 วัน ช่วงนี้ก็จะเล่นแค่วันสองวันครับ ส่วนกลางวันก็ไม่มีอะไรทำเหมือนเดิม ก็ลงRank

เบียร์: ส่วนใหญ่ที่ทำตอนนี้ก็จะมีงานเบื้องหลัง เขียนเนื้อเพลง มีproduceบ้าง มีงานอัดกีตาร์ด้วยและก็เล่นดนตรีประจำก็ยังเล่นอยู่ครับ เล่นกับเพื่อน ๆ ปอนด์และโด่ง ก็มีแพลนของ solitude เหมือนกันครับเรื่องแต่งเพลง

โด่ง: เราก็มีเล่นดนตรีกลางคืนบ้าง 1-2วัน ส่วนใหญ่ตอนนี้ก็จะทำงานเป็น Sound Engineer บ้าง mix เพลงบ้าง

เฟนเดอร์: ของวงก็วางแพลนไว้ ช่วงนี้ก็เตรียมตัวที่จะทำอัลบั้มใหม่ และเราก็ได้สร้างพละกำลัง เรากำลังจะสร้างสตูดิโอของพวกเราเองเพื่อที่จะเป็นพื้นที่ทำงานของตัวเอง และก็แพลนจะทำทัวร์ภูมิภาคส่วนที่เหลือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคใต้ กรุงเทพ และก็จะกลับไปทัวร์ภาคเหนือและภาคอีสานด้วย ตั้งแต่ประมาณกลางปีนี้เป็นต้นไป

Q : เล่าถึงการเดินทางของวง Solitude is bliss ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ให้ฟังแบบคร่าว ๆ ได้ไหม

เฟนเดอร์: ประมาณ 10 ปี ปีที่11 แล้วครับ เป็นการเดินทางที่มีขึ้น ๆ ลง ๆ มีพัฒนาการตลอด จะมีขัดไปบ้างก็ตอนโควิด จากแรกสมาชิกแต่ละคนเป็นคนที่สนใจในเรื่องการสร้างเพลง แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะไปได้ถึงไหน ก็เริ่มกันมาแบบไร้เดียงสาประมาณนึง อยากทำเพลง อยากทำอัลบั้ม แล้วอยากมีโอกาสได้ไปเล่นให้คนได้ฟังเยอะ ๆ ก็พัฒนาจนมันกลายเป็นภารกิจที่ค่อนข้างสำคัญ และจริงจังมากขึ้น ทั้งเรื่องการสร้างเพลงขึ้น การแสดง และที่สำคัญที่สุดเรื่องการเรียนรู้ในการทำงานเป็นทีมเวิร์ค การทำงานกับคนอื่น การสื่อสารกับคนอื่น และก็สร้างจุดยืนให้ตัวเองและก็สร้างขอบเขตให้ตัวเองในการปะทะกับโลกข้างนอก เพราะฉะนั้นถ้าถึงวันนี้แล้วก็น่าจะเป็นอะไรที่มันค่อนข้างนิ่ง และก็มีความวางใจ เชื่อมั่นในขั้นตอนและสิ่งที่กำลังทำ รวมถึงความกดดันเรื่องของขอบเขต เรื่องของการสำรวจการสร้างเพลง ขอบเขตของดนตรี มันน่าจะเป็นอะไรที่พวกเรารู้สึกว่าสนุกและสามารถจริงจริงจังกับมันได้เต็มที่มากขึ้น

Q : พี่ ๆ มีอะไรใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยทำแล้วอยากลองทำไหม

เฟนเดอร์: อยากขึ้นรถไฟที่เดลี พากันไปทัวร์อินเดีย หลัก ๆ ก็จะมีอยู่ 2-3 อย่าง อย่างแรกก็คือเราอยากมีโอกาสไปโชว์ต่างประเทศจริงจังขึ้น เราเคยไปแค่ครั้งเดียวแต่ก็เป็นครั้งเดียวก่อนโควิด ก็จะได้เดินทางในฐานะวงและก็นำเสนอดนตรีของเราได้มากขึ้น อย่างที่สองจะเป็นการทำงานและได้ร่วมงานกับบุคคลากรที่ professional ระดับสูง และมีเวลา มี resource ในการสร้างงานได้เต็มที่มากขึ้น เป็นเรื่องของการสร้าง production มากกว่า ไม่ว่าจะเป็น producer และก็ Engineer ทาง technical ทั้งหลาย ส่วนนึงก็น่าจะเป็นการพัฒนาระบบ การเดินทาง การโชว์ของวงเองครับ เรื่องเวที เรื่องโชว์ เรื่องsound คุณภาพของเสียงในการที่เราไปสร้างอีเว้นต์เองในต่างจังหวัด ต่างภาค และเราสามารถนำเสนอ sound ที่เราต้องการโชว์ ภาพ แสดง ได้เต็มที่ที่สุด

Q : อยากให้พี่ ๆ นิยามความเป็น Solitude is bliss จะเป็นแบบไหน สีอะไร ?

แฟรงค์: สีเอิร์ทโทน สีดิน สีฟ้า สีท้องฟ้า เอิร์ทโทนบวกกับพาสเทล จาง ๆ เพราะด้วยความรู้สึกของสีกับตัวเพลงมันไปด้วยกันได้

เฟนเดอร์: ถ้าจะให้ตีความก็น่าจะเป็นความที่สีมันไม่ได้เข้มเมื่อเปรียบเทียบกับดนตรี ถ้าเอายุคสมัยไปสวมเราจะวินเทจเลยก็ไม่ใช่เราจะโมเดิร์นเลยก็ไม่ใช่ จะโฟล์คเลยก็ไม่ใช่มันจะตื้ดเลยก็ไม่ใช่ ก็คือมันค่อนข้างบาลานซ์และเป็นเพลงธรรมชาติต่อหู ต่อการผสม element ต่าง ๆ ทางดนตรี ก็คิดว่าน่าจะที่มาของความรู้สึกที่เป็นเอิร์ธโทน

ปอนด์: ชอบสีเทาเพราะว่า มันบ่งบอกถึงความว่างเปล่า ซึ่งความว่างเปล่าก็คืออิสระ ก็คือเราจะกำหนดให้มันเป็นอะไรก็ได้ เหมือนกับที่อยากจะให้ตีความไปทางไหนก็ได้

Q : ความอิสระของ Solitude is bliss คืออะไร ?

เฟนเดอร์: ความอิสระของวงสำหรับผมน่าจะเป็นความกดดันจากความคาดหวังของวงการดนตรีหรือผู้ฟัง หมายถึงในแง่ของขอบเขต สไตล์ดนตรีมันต่ำครับ เพราะฉะนั้นเราก็ค่อนข้างได้อิสระที่จะสำรวจเส้นทางใหม่ ๆ อิสระของวง คือที่เราไม่ต้องคิดว่า อินดี้ป๊อปกำลังดัง เราต้องทำซาวน์แบบนี้กัน หรือว่าฮิปฮอปกำลังดัง เราทำแนวมีแรปสักคนไหมอะไรอย่างนี้ เราไม่จำเป็นต้องคิดแบบนั้น เราไม่ได้แบกความคาดหวังของเทรนด์ดนตรีในอุตสาหกรรมดนตรี

เบียร์: อีกอย่างหนึ่งก็คือวงเรามันมีซาวน์ที่มันเป็นเอกลักษณ์ มันจะแปลก ถ้าอย่างเช่นไปฟังประมาณนี้ไปฟังกระแสปุ๊ปและเราก็ไปฟัง solitude มันก็จะเหมือนแบบเป็นแนวอะไรวะแนวมันไม่เหมือนชาวบ้าน

โด่ง: รู้สึกว่าจะมีความอิสระในการออกความเห็นของตัวเองก่อนมากกว่า เราสามารถที่จะเอาสิ่งที่ตัวเองชอบก่อน แล้วค่อยมาดูกันว่าเราจะเอาไปทางไหนกันดีนะ ซึ่งก็เป็นอิสระ ทำให้เรามีทางเลือกที่มันจะไปได้หลาย ๆ อย่าง

Q : ถ้ามีวันว่าง 1 วัน พี่ ๆ อยากทำอะไรกัน แบบที่ไม่เกี่ยวกับงานนะ

เฟนเดอร์: อยากท่องเที่ยวกับต่อพลาสติกโมเดลครับ

โด่ง: อยากเที่ยวและอยากเล่นเกม

แฟรงค์: อยากอยู่กับที่บ้านเยอะ ๆ อยู่กับครอบครัว ติดบ้านครับ

ปอนด์: อยากปาร์ตี้ อยากเที่ยว

เบียร์: อยากสงบ อยากไม่ขี้เกียจ อยากซ้อมกีตาร์ อะไรประมาณนี้

Q : เซอร์ไพร์สที่จะได้เห็นให้ Lido Livehouse

เฟนเดอร์: เราจะโปรโมทและฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ด้วย ก็อยากจะให้ทุกคนรอไปจนถึงงานนะครับ เซอร์ไพรส์มันบอกไม่ได้ รอดูวันงาน

Q : อยากบอกอะไรแฟน ๆ ที่จะมาเจอกัน 1มีนาคมนี้ ?

เฟนเดอร์: อยากให้หลับเต็มอิ่มมา เตรียมตัวเตรียมใจเตรียมร่างกายกันมาให้ดี แล้วก็ไปสนุกกันที่หน้าเวทีครับผม

แฟรงค์: ซ้อมร้องเพลงมาด้วยครับ มาร้องกันลั่น ๆ เลย

Related Posts